รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบายพัฒนาการดำเนินงานสาธารณสุขปี 2552 เน้นการมีส่วนร่วมทุกภาคส่วนในการดูแลสุขภาพ จ่ายค่าตอบแทนช่วยค่าใช้จ่าย อสม. ยกระดับสถานีอนามัยทั่วไทยกว่า 9,700 แห่ง เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพในตำบล ดึงคลินิกเอกชนเป็นเครือข่ายบริการภาครัฐ ใช้บัตรประชาชนรับบริการแทนบัตรทอง หนุนโรงพยาบาลในเขตพื้นที่พิเศษเป็นองค์กรมหาชน
วันนี้ (12 มกราคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบายในการทำงานในปีงบประมาณ 2552 แก่ผู้บริหารหน่วยงานสาธารณสุข จากส่วนกลางและภูมิภาคทั่วประเทศกว่า 350 คน
นายวิทยากล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ต้องรีบดำเนินการขณะนี้ คือการแก้ปัญหาการฟ้องร้องแพทย์ ทำให้แพทย์ไม่กล้าทำงานเพราะกลัวติดคุก จะเร่งผลักดันร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมความสัมพันธ์ในระบบบริการสาธารณสุข โดยเร็วที่สุด และจะผลักดันความก้าวหน้าวิชาชีพ ค่าตอบแทนทั้งระบบทุกสาขาวิชาชีพ ให้อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี สมฐานะ การพัฒนางานสาธารณสุขของประเทศไทยภายใต้วิกฤตสังคมและเศรษฐกิจ จะเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ร่วมกันทำงานเชิงรุกเพื่อลดปัญหาการเจ็บป่วย ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล โดยเน้นหนัก 3 เรื่องใหญ่ ได้แก่ 1. การพัฒนาระบบบริการ 2. การพัฒนาระบบบริหารจัดการ และ 3. การพัฒนากำลังคน
ในการพัฒนาระบบบริการ จะพัฒนามาตรฐานของสถานบริการสุขภาพภาครัฐทุกระดับ โดยยกระดับสถานีอนามัยทั่วประเทศ 9,762 แห่ง ให้เป็นโรงพยาบาลสร้างเสริมสุขภาพประจำตำบล เพื่อลดจำนวนคนป่วยให้น้อยลงและส่งเสริม อสม. ทั่วประเทศร่วมดูแลปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ส่งเสริมสุขภาพเด็ก ผู้สูงอายุ คนพิการ ในหมู่บ้านและชุมชน ผู้ป่วยในโรงพยาบาล โดยมีค่าตอบแทนให้ ลดความแออัดของโรงพยาบาลโดยดึงคลินิกเอกชนเข้าเป็นเครือข่ายบริการสุขภาพของรัฐ ให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาโรคพื้นฐานได้ง่ายขึ้น โดยประชาชนสามารถใช้บัตรประชาชนเพียงบัตรเดียวในการเข้ารับบริการ และพัฒนากลไกการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคติดต่อ โรคอุบัติใหม่ และโรคจากเชื้อกลายพันธุ์ได้อย่างทันท่วงที ขยายแนวทางให้ถึงอสม. รวมทั้งสนับสนุนการใช้การแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทย และการแพทย์ทางเลือก เพื่อการพึ่งพาตนเองภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นายวิทยากล่าวต่อว่า การพัฒนาระบบบริหารจัดการภายใต้วิกฤตเศรษฐกิจ จะเน้นหนักความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาลในระดับนานาชาติ และสนับสนุนโรงพยาบาลในเขตพื้นที่พิเศษบริหารงานแบบองค์กรมหาชน เช่นแหล่งท่องเที่ยว เกาะสมุย ภูเก็ต ให้รองรับทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวได้อย่างคล่องตัว พร้อมทั้งสนับสนุนให้ทุกภาคส่วนดำเนินการตามกฎหมายสุขภาพแห่งชาติ สำหรับการพัฒนากำลังคน จะเน้นให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนในพื้นที่ เรียนแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอื่น ๆ เพื่อกลับมาทำงานในท้องถิ่น และผลิตพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข คู่ไปกับการสร้างขวัญกำลังใจให้มีความก้าวหน้าในอาชีพ เชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะสนองนโยบายได้อย่างรวดเร็ว
ด้านนายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จะสนับสนุนการพัฒนาการแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะสมุนไพร ให้เป็นสินค้าส่งออกเหมือนจีน ขณะนี้ได้ประสานกับท็อป ซูเปอร์มาเก็ต ในเครือของเซ็นทรัล เพื่อขายยาอมมะขามป้อม มาตั้งที่จุดชำระเงิน ซึ่งทางห้างต้องการเอกสารอ้างอิงอาหารที่เหมาะกับฤดูกาลต่าง ๆ และจะเน้นการเสริมสร้างสุขภาพคนไทยภายใต้คำขวัญ สุขภาพดีไม่มีขาย อยากได้ต้องออกกำลัง เพราะเงินไม่สามารถซื้อเหงื่อ ซื้อสุขภาพที่ดีได้ จะต้องออกแรงเองทั้งคนรวยและคนจน อยากให้เด็กออกกำลังกายด้วยท่ามวยไทย และให้ประชาชนเข้ามาใช้สถานที่ออกกำลังกายในกระทรวงสาธารณสุขได้
**************************************** 12 มกราคม 2552
View 7
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ