ผู้อำนวยการใหญ่โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติคนใหม่ เลือกเยือนไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย จากชื่อเสียงการเป็นแบบอย่างโลก ที่ประกาศบริการผู้ป่วยโรคเอดส์ให้เข้าถึงยาต้านไวรัสทุกคน พร้อมชื่นชมรัฐบาลไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่สามารถจัดหายาต้านไวรัสให้กับผู้ป่วยโรคเอดส์อย่างทั่วถึง อีกทั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังเป็นผู้นำหนึ่งในไม่กี่คนของโลก ที่ให้ความสนใจและมุ่งมั่นแก้ไขวิกฤตเอดส์เอง ทั้งการป้องกันและการรักษา ท่ามกลางปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจ โดยเน้นการป้องกันในกลุ่มเยาวชน
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมหารือ ในการที่นายมิเชล ซิดิเบ (Mr.Michel Sidibe) ผู้อำนวยการใหญ่โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS) และคณะ เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่อาคารรัฐสภา ระหว่างเยือนไทยวันที่ 15-19 มีนาคม 2552 ว่า นับเป็นเกียรติของประเทศไทย ที่ผู้อำนวยการใหญ่ยูเอ็นเอดส์คนใหม่ เลือกเยือนไทยเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย เนื่องจากไทยเป็นตัวอย่างที่ดีของโลก ที่สามารถจัดให้ผู้ป่วยเอดส์เข้าถึงยาต้านไวรัสได้อย่างทั่วถึง โดยจากการหารือกันครั้งนี้ ผู้อำนวยการใหญ่ยูเอ็นเอดส์ได้กล่าวชื่นชมนายกรัฐมนตรีของไทย ว่าเป็นหนึ่งในผู้นำไม่กี่คนของโลก ที่ให้ความใส่ใจแก้ไขปัญหาเอดส์ของประเทศอย่างจริงจัง โดยรับเป็นประธานคณะ กรรมการเอดส์ชาติ และได้แสดงความมุ่งมั่นในการลดการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ โดยเน้นที่การป้องกันและปรับแก้ค่านิยมพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ซึ่งจัดเป็นการแก้ปัญหาที่สามารถสร้างความยั่งยืนในการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด รวมทั้งยังลดค่าใช้จ่ายในการรักษาในอนาคต
นายวิทยา กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีไทย ได้กล่าวถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาเอดส์ของประเทศไทยว่า จะมุ่งที่กลุ่มเยาวชน วัยรุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มติดเชื้อเอชไอวีมากขึ้น เนื่องมาจากการมีพฤติกรรมทางเพศและค่านิยมทางเพศที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งได้เน้นย้ำว่า ในขณะที่การเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์อย่างทั่วถึงเป็นความสำเร็จของประเทศ ยิ่งต้องเร่งรัดลดการติดเชื้อรายใหม่ โดยนโยบายสำคัญที่จะผลักดันให้สำเร็จคือ การสอนการป้องกันโรคเอดส์อย่างได้ผลในโรงเรียนทั่วประเทศ เพื่อปกป้องอนาคตของชาติให้ได้รับความปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อโรคเอดส์ ซึ่งที่น่าเป็นห่วงนอกจากพฤติกรรมเสี่ยงแล้ว ขณะนี้เยาวชนไทยยังคิดว่ามียาต้านไวรัสรักษาแล้วไม่จำเป็นต้องป้องกัน ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่ต้องรีบแก้ไข เร่งประชาสัมพันธ์ให้เยาวชนได้ตระหนักและมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
**************************** 19 มีนาคม 2552
View 18
19/03/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ