สาธารณสุข ห่วงสุขภาพประชาชนที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง อย่าเสี่ยงดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฉลองวันหยุดยาวสงกรานต์ เนื่องจากหลังดื่มเข้าไป ร้อยละ 95 ของเหล้าที่ดื่มจะซึมเข้ากระแสเลือด โดยผ่านทางเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอย่างรวดเร็ว ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะไปขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตสูงมากขึ้น อาจทำเส้นเลือดแตกง่าย มีโอกาสเสี่ยงเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตหรือเสียชีวิต หัวใจวายเพราะหัวใจต้องทำงานหนักขึ้น ผลการตรวจล่าสุดเดือนกันยายน 2550 พบคนไทยเป็นความดันโลหิตสูงมากกว่า 2 ล้านคน นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งปีนี้มีวันหยุดยาวติดต่อกัน 9-10 วัน มีการเลี้ยงสังสรรค์ ส่วนใหญ่มักมีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ร่วมด้วย นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุการเดินทางแล้ว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะทำให้มีไขมันในเลือดสูงขึ้น และอ้วนได้ง่าย เนื่องจากในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 กรัมให้พลังงานสูงถึง 7 กิโลแคลอรี พลังงานส่วนเกินเหล่านี้ จะไปสะสมในร่างกาย และมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้นด้วย นายแพทย์สุพรรณ กล่าวต่อไปว่า ที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง จะต้องมีความระมัดระวังในช่วงนี้ องค์การอนามัยโลก ได้ระบุว่าผู้ใดก็ตามที่มีระดับความดันโลหิตสูงกว่าค่าปกติคือที่ระดับ 140 / 90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง และการที่ความดันโลหิตสูงอยู่เป็นเวลานาน จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ โรคหัวใจ โรคไตวาย เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง อัมพาตได้ นายแพทย์สุพรรณ กล่าวต่ออีกว่า จากสถิติการวัดความดันโลหิตในประชาชนไทยอายุ 35 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ ครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2550 พบผู้มีความดันโลหิตสูงมากถึง 2 ล้าน 4 แสนคน ในจำนวนนี้ 1 ล้าน 3 แสนคน ไม่เคยรู้ตัวมาก่อน หรือมีกว่าครึ่งที่ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองมีความดันโลหิตสูง จึงไม่แนะนำให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากหลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป ร้อยละ 95 ของเหล้าที่ดื่มจะซึมเข้ากระแสเลือด โดยผ่านทางเยื่อบุกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอย่างรวดเร็ว ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะไปขยายหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตสูงมากขึ้น เส้นเลือดจึงแตกง่าย เพิ่มโอกาสเสี่ยงหลอดเลือดในสมองแตก ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมอง หรือที่เรียกกันว่า อัมพฤกษ์อัมพาต นอกจากนี้ ฤทธิ์แอลกอฮอล์จะทำให้เม็ดเลือดเกาะกันเป็นก้อนเหนียว ทำให้การไหลเวียนเลือดหนืดขึ้น หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกาย เกิดโรคหัวใจล้มเหลว การทำงานของไตล้มเหลว และเสียชีวิตได้ ขอให้ประชาชนที่ใช้ยวดยานพาหนะในการเดินทาง ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด ถ้าง่วงให้หยุดพัก หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามขับขี่รถทุกประเภท เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุจราจรได้ โดยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะกดการทำงานของสมอง หากมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย หากเกิน 100 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะมีอาการมึนเมา เดินโซเซทรงตัวไม่ได้ เกิน 200 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะมีอาการสับสน และหากดื่มหนักมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือด 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะหมดสติและอาจเสียชีวิตได้ นายแพทย์สุพรรณ กล่าว เมษายน3/10 ************************************* 15 เมษายน 2552


   
   


View 8    15/04/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ