สาธารณสุข เผยสถานการณ์การป่วยมาลาเรียของไทยลดลง แต่มีปัญหาเชื้อโรคดื้อยาเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แถบจังหวัดจันทบุรี ตราด กับเมืองไพลินของกัมพูชา เนื่องจากเชื้อบริเวณนี้เป็นเชื้อพิเศษ แข็งแรง ทนทานต่อยาที่สุดในโลกมากว่า 40 ปี การแก้ไขปัญหาต้องกินยาให้ครบสูตร ตามเวลาที่แพทย์สั่ง ล่าสุดไทยมีผู้ป่วยมาลาเรีย ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 – เมษายน 2552 จำนวน 10,684 ราย ตาย 4 ราย นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า วันที่ 25 เมษายนของทุกปี องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้เป็นวันมาลาเรียโลก (World Malaria Day) เพื่อเรียกร้องให้ทุกประเทศที่กำลังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคนี้ ร่วมกันกำจัดโรคมาลาเรีย และให้ประเทศที่ไม่มีปัญหาได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในการป้องกันควบคุมโรคไม่ให้เกิดในพื้นที่ ซึ่งโรคมาลาเรียเกิดจากเชื้อพลาสโมเดียม (plasmodium) มียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค เป็นโรคติดต่อในเขตร้อนหรือกึ่งเขตร้อน ทั่วโลกมีรายงานป่วยปีละกว่า 500 ล้านคน และเสียชีวิตปีละกว่า 1 ล้านคน การระบาดรุนแรงที่สุดในทวีปอาฟริกา และยังมีการระบาดในบริเวณลาตินอเมริกัน เอเชีย ตะวันออกกกลาง และบางส่วนของทวีปยุโรป คาดว่าจะมีประชากรโลกเสี่ยงต่อโรคนี้ประมาณ 3,300 ล้านคน หรือครึ่งหนึ่งของประชากรโลก องค์การอนามัยโลกจึงได้ให้ทุกประเทศร่วมมือกันกำจัดโรคนี้โดยเร็ว นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อว่า โรคมาลาเรียทั่วโลกจะระบาดสูงสุดประมาณช่วงเดือนเมษายน – กรกฎาคม ทั่วโลกจึงตกลงกันที่จะรณรงค์ในช่วงปลายเดือนเมษายน และกำหนดให้วันที่ 25 เมษายน เป็นวันมาลาเรียโลก ทั้งนี้ ในส่วนของประเทศไทย ได้สั่งการให้ทุกจังหวัดที่เป็นพื้นที่เสี่ยง ซึ่งมักจะเป็นบริเวณชายแดนไทย-พม่า และไทย-กัมพูชา รวม 43 จังหวัด ให้ความรู้กับประชาชน ให้นอนกางมุ้งในเวลากลางคืนและป้องกันไม่ให้ยุงกัด หากเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง อยู่ในป่าเขา ให้ใช้มุ้งชุบสารเคมี ที่นิยมคือไพรีทรอยด์ ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ยุงเป็นอัมพาตและตายภายใน 2 วินาที ไม่เป็นอันตรายต่อคน และที่สำคัญเมื่อป่วยแล้ว ขอให้กินยาให้ครบสูตรตามที่แพทย์สั่ง ทางด้านนายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์มาลาเรียของไทย ล่าสุดมีแนวโน้มจำนวนผู้ป่วยลดลง ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551–มีนาคม 2552 มีผู้ป่วย 10,684 ราย เป็นไทย 8,138 ราย ที่เหลืออีก 2,546 รายเป็นชาวต่างชาติ เสียชีวิต 4 ราย และพบว่าเชื้อมาลาเรียในไทยมีแนวโน้มดื้อยามากขึ้น อัตราการรักษาหายขาดประมาณร้อยละ 90-95 หมายความว่าในผู้ป่วยมาลาเรีย 100 คน จะรักษาหายขาดได้ 90-95 คน ส่วนที่เหลือยังคงมีเชื้ออยู่ในตัวและแพร่เชื้อสู่คนอื่น และเชื้อในคนกลุ่มนี้ อาจจะรักษาด้วยยาเดิมหรือขนาดเท่าเดิมไม่ได้ เป็นปัญหาทางการแพทย์ นายแพทย์หม่อมหลวงสมชาย กล่าวต่อว่า ในไทยพบเชื้อดื้อยาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา แถบจังหวัดจันทบุรี ตราด และเมืองไพลินของกัมพูชา เนื่องจากเชื้อที่บริเวณนี้ ทั่วโลกยอมรับว่าเป็นเชื้อพันธุ์พิเศษ โดยเป็นเชื้อพลาสโมดียม (plasmodium) สายพันธุ์ฟาลซิปารั่ม (falciparum) ที่มีความแข็งแรงและทนทาน ปรับตัวต่อยาได้เร็ว จากการศึกษาพบว่าเชื้อบริเวณนี้มีแนวโน้มดื้อยามาโดยตลอด ประมาณ 40-50 ปีมาแล้ว เป็นที่จับตาของทั่วโลกที่ต้องช่วยกันกวาดล้าง ไม่ให้กระจายไปภูมิภาคอื่นๆ ของโลก ซึ่งไทยกำลังร่วมมือกับกัมพูชาสกัดการแพร่เชื้อชนิดดื้อยา โดยได้รับการสนับสนุนเงินจากมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตต์ ส่วนบริเวณไทยพม่า ซึ่งมีปัญหาเชื้อดื้อยาเหมือนกันนั้น ไทยและพม่ากำลังขอการสนับสนุนจากกองทุนโลก เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน ******************************** 25 เมษายน 2552


   
   


View 8    25/04/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ