กระทรวงสาธารณสุข จัดอัตรากำลังเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจโรคที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 30 คน หมุนเวียนทำงาน 24 ชั่วโมง วันนี้เพิ่มกำลังพยาบาลจากสถาบันบำราศนราดูรเสริมอีกวันละ 6 คน และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามช่องทางเข้าออกแนวพรมแดนระหว่างประเทศด้วย นายมานิต นพอมรบดีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมศูนย์ปฏิบัติการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ที่กรมควบคุมโรคเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้(29 เมษายน 2552)ว่า ที่ประชุมได้ติดตามสถานการณ์โรคไข้หวัดเม็กซิโก และหารือแนวทางป้องกันไม่ให้โรคดังกล่าวแพร่เข้ามาในประเทศ โดยการตรวจวัดไข้คัดกรองผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ ด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ (Infrared Thermo Scanner) ที่สนามบินนานาชาติทุกแห่ง โดยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่ประจำด่าน 30 คน หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ในวันนี้ได้ส่งพยาบาลจากสถาบันบำราศนราดูร ไปช่วยเสริมกำลังอีกวันละ 6 คน และจะมีเจ้าหน้าที่จากสถาบันราชประชาสมาสัยเพิ่มเติมอีก โดยจะมีอยู่ประจำทุกจุดตรวจ อย่างน้อย 3-5 คน ส่วนทางบก จะมีเจ้าหน้าที่ประจำด่านทุกด่านเฝ้าระวังอยู่ นายมานิตกล่าวต่อว่า ในวันพรุ่งนี้กระทรวงสาธารณสุข จะเชิญผู้ประกอบการท่องเที่ยว มาประชุม และขอความร่วมมือ หากนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาประเทศไทย โดยเฉพาะผู้ที่มาจากเม็กซิโก หรือประเทศที่พบผู้ป่วย มีอาการผิดปกติขอให้แจ้งกระทรวงสาธารณสุขทราบ ซึ่งกระทรวงฯมีโรงพยาบาลและทีมแพทย์พร้อมให้การดูแล จัดเตรียมห้องแยกไว้ สร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว จะได้รับการดูแลอย่างดี สำหรับผู้มีอาการสงสัยไข้หวัดเม็กซิโก ที่รักษาตัวที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในวันนี้แพทย์ให้กลับบ้านได้แล้ว โดยผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ พบว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา โดยกระทรวงสาธารณสุข จะทำการเฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องต่อไป *********************** 29 เมษายน 2552 “วิทยา” กำชับผู้บริหารทุกจังหวัด พร้อมรับมือไข้หวัดที่ระบาดในเม็กซิโก ผลตรวจผู้โดยสารขาเข้าที่สุวรรณภูมิ ยังไม่พบความผิดปกติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรียกประชุมผู้บริหารในพื้นที่ เตรียมพร้อมกำลังคนรับมือไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโก เน้นย้ำหากพบผู้ป่วยในประเทศ จะต้องเร่งค้นหาผู้ป่วยรายใหม่และให้การรักษาด้วยยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุด ยืนยันยารักษามีพอรองรับผู้ป่วยกว่า 3 แสนคน และผลิตเพิ่มได้อีก 1 ล้านเม็ดใน 4 วัน เผยผลการตรวจผู้โดยสารขาเข้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ คืนที่ผ่านมากว่า 3 หมื่นคน ยังไม่พบความผิดปกติ เช้าวันนี้ (29 เมษายน 2552) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กทม. นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมชี้แจงนโยบายการดำเนินงานเฝ้าระวังป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในเม็กซิโก แก่นายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด เพื่อวางมาตรการรับมือเป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ นายวิทยา กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่ระบาดในประเทศเม็กซิโก มีแนวโน้มขยายวงกว้างขึ้น ได้มอบหมายให้นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมติดตามสถานการณ์กับศูนย์ปฏิบัติการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิดทุกวัน โดยกำหนดยุทธศาสตร์การรับมือ ไว้ 3 ด้าน คือ 1.การให้ข้อมูลความรู้ประชาชน โดยออกประกาศคำแนะนำประชาชน เรื่อง โรคไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโก ฉบับที่ 1 ขอให้เลื่อนการเดินทางไปประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรค หรือถ้าจำเป็นต้องไป ต้องรู้มาตรการที่จะป้องกันตนเองไม่ให้เสี่ยงติดโรค โดยยึดหลักสุขนิสัยที่ดี ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากจมูกเวลาไอ หรือใส่หน้ากากอนามัยเวลาเป็นหวัด และขอความร่วมมือองค์การอนามัยโลก แจ้งประเทศที่มีการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่ คัดกรองไม่ให้ผู้ที่มีอาการป่วยด้วยไข้หวัดเดินทางออกนอกประเทศ 2.การป้องกันไม่ให้โรคแพร่เข้าประเทศ โดยติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารขาเข้า ที่สนามบินนานาชาติ 4 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ 4 จุด เชียงใหม่ ภูเก็ต และสมุย แห่งละ 1 จุด และจะติดตั้งที่สนามบินหาดใหญ่เพิ่มในวันนี้ อีก 1 จุด และจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการระดับชาติในบ่ายวันนี้ เพิ่มมาตรการป้องกัน เช่น ขอความร่วมมือกระทรวงคมนาคมประสานทุกสายการบิน ประกาศให้ผู้โดยสารที่มีประวัติเดินทางไปประเทศที่เกิดโรคในรอบ 7 วันที่ผ่านมา แจ้งเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคเพื่อตรวจคัดกรองเบื้องต้น และดูแลอย่างเป็นระบบ สำหรับผลการตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารขาเข้าจากทั่วโลก ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อคืนที่ผ่านมา จำนวนทั้งหมด 37,217 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้มาจากประเทศเม็กซิโก แคนาดา และสหรัฐอเมริกา จำนวน 8 เที่ยวบิน รวม 2,400 คน ยังไม่พบผู้มีไข้หรือมีอาการผิดปกติ นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับยุทธศาสตร์ที่ 3 คือการรับมือเมื่อพบผู้ป่วยในประเทศ เน้นย้ำเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและ อสม. รวมกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ทำการเฝ้าระวัง ค้นหาผู้ที่มีอาการไข้หวัดและนำเข้าสู่ระบบคัดกรองประวัติการสัมผัสโรคไข้หวัดที่ระบาดในเม็กซิโกทุกราย และให้โรงพยาบาลทุกแห่งดูแลรักษาให้หายขาด ซึ่งหากผู้ป่วยได้รับยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ภายใน 48 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 5 วัน จะได้ผลดี ขณะนี้ได้สำรองยารักษาไข้หวัดใหญ่และกระจายไปยังโรงพยาบาลทุกระดับทั่วประเทศแล้ว รองรับผู้ป่วยได้ 320,000 คน และองค์การเภสัชกรรมยังสำรองวัตถุดิบไว้พร้อมผลิตได้อีก 1 ล้านเม็ดภายใน 4 วัน มั่นใจได้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจะพร้อมป้องกันและดูแลผู้ป่วยทุกราย ไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในประเทศได้**เมย.6/10***********29 เมษายน 2552


   
   


View 8    29/04/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ