กระทรวงสาธารณสุขใช้ระบบแซนด์วิชค้นหาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ประจำด่านควบคุมโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิจากวันละ 60 คน เป็นเกือบ 100 คน กำชับหน่วยเฝ้าระวังทั้งหมู่บ้าน โรงพยาบาล เข้มงวดประวัติการเดินทางมาจากต่างประเทศของผู้ป่วย มีระบบเชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยระหว่างด่านควบคุมโรคกับต่างจังหวัด ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วสามารถรับลูกต่อตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนผู้ป่วยรายที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นเพียงผู้ป่วยอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง ยังไม่ใช่ผู้ป่วยสงสัย วันนี้อาการดีขึ้น ไม่มีไข้แล้ว วันนี้ (14 พฤษภาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ว่า ในวันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข ได้ประเมินทางวิชาการ คาดไทยมีแนวโน้มอาจพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่มาจากต่างประเทศรายใหม่ได้อีก กระทรวงสาธารณสุขได้ใช้มาตรการแซนด์วิช เพื่อค้นหาผู้ป่วยให้พบอย่างรวดเร็ว ให้การดูแลรักษาและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อให้อยู่ในวงจำกัด โดยคงมาตรการเฝ้าระวังโรคในกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศทุกคนที่ด่านตรวจโรคประจำสนามบิน ด่านพรมแดนต่างๆ และการค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านชุมชน และที่โรงพยาบาล คลินิก โรงพยาบาลเอกชน อย่างเข้มแข็ง โดยที่ด่านควบคุมโรคที่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้เพิ่มกำลังแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ประจำการจากวันละ 60 คน เป็นวันละเกือบ 100 คน ตลอด 24 ชั่วโมง และให้มีระบบการเชื่อมโยงส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยในรายที่มีไข้และเดินทางกลับจากต่างประเทศให้พื้นที่ต่างๆ ได้ติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง ไม่ให้เล็ดลอดแม้แต่รายเดียว และให้ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็วออกติดตามผู้ป่วยที่บ้านทันที ส่วนสถานพยาบาลต่างๆ ทั้งโรงพยาบาลรัฐ เอกชน คลินิกทั่วประเทศ ให้เพิ่มการซักประวัติผู้ป่วยที่มีไข้ ไอ เจ็บคอหรือท้องเสีย อย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศทั้งหมด หากพบผู้ป่วยได้เร็วเท่าใด จะเป็นผลดีในการควบคุมโรคไม่ให้เชื้อแพร่กระจายในประเทศได้ นายวิทยา กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ป่วยรายที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่เป็นข่าวนั้น ขณะนี้เป็นผู้ป่วยที่จัดอยู่ในข่ายเฝ้าระวัง จากระบบการเฝ้าระวังของกระทรวงสาธารณสุขในพื้นที่ เนื่องจากมีประวัติเดินทางกลับจากต่างประเทศ และมีไข้ เจ็บคอ ยังไม่ใช่ผู้ป่วยสงสัย โดยอยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุขอย่างใกล้ชิด ขณะนี้อาการดีขึ้น ไม่มีไข้ อยู่ระหว่างการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งจะทราบผลเบื้องต้นประมาณ 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามการสรุปผลทุกรายจะต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งประกอบด้วย คณะกรรมการด้านการแพทย์ ด้านระบาดวิทยา และด้านห้องปฏิบัติการ หากมีผู้ป่วยยืนยันจะแถลงข่าวให้ประชาชนรับทราบทันที ทางด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานคณะกรรมการศูนย์ตอบโต้ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ปรับมาตรการการรักษา โดยจะพิจารณาให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์อย่างรอบคอบ เพื่อป้องกันปัญหาการดื้อยา โดยในรายที่ผลการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ จะได้รับยาต้านไวรัสทุกคน ซึ่งขณะนี้ผลการตรวจยืนยันจะรู้ผลเร็ว เนื่องจากมีการทำงานเป็นเครือข่ายระหว่างกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และมหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง ทุกแห่งเป็นศูนย์ปฏิบัติการอ้างอิงขององค์การอนามัยโลก ซึ่งรวมทั้งศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งสหรัฐอเมริกาด้วย ทำให้ผลมีความแม่นยำ รู้ผลเร็วภายใน 48 ชั่วโมง นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวต่อว่า องค์การอนามัยโลกรายงาน เมื่อเช้าวันนี้ (14 พฤษภาคม 2552) ตามเวลาในประเทศไทย ว่า มีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อ 33 ประเทศ รวม 5,728 ราย เสียชีวิต 61 ราย ประเทศที่รายงานผู้ป่วยในวันนี้คือ คิวบา ฟินแลนด์ และไทย ซึ่งไทยถูกจัดอันดับประเทศพบยืนยันติดเชื้ออันดับที่ 33 มี 8 ประเทศที่มีรายงานผู้ป่วยเพิ่ม ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน สหราชอาณาจักร จีน โคลัมเบีย กัวเตมาลา ปานามา และมี 7 ประเทศที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในรอบ 7 วัน ได้แก่ ออสเตรเลีย สวิสเซอร์แลนด์ เดนมาร์ก เกาหลีใต้ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส โปแลนด์ ส่วนไทย คงมีผู้ป่วยยืนยัน 2 รายเท่าเดิม และวันนี้มีผู้ป่วยในข่ายเฝ้าระวัง 13 ราย เป็นชาวไทยเดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีโรคระบาด ***************************** 14 พฤษภาคม 2552


   
   


View 5       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ