สาธารณสุข เตรียมดันยุทธศาสตร์สุขภาพแรงงานต่างด้าว เป็นแผนระดับชาติ เพื่อสกัดโรคติดต่อในกลุ่มแรงงานต่างด้าวกว่า 1 ล้านคนที่ไม่ผ่านการตรวจสุขภาพ ในปี 2549 นี้ พบมีรายงานเจ็บป่วยรวม 17,117 ราย เสียชีวิต 24 ราย โดยมีสัญญานภัยต้องระวังพบว่าสาเหตุป่วยเกิดมาจากการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน มากเกือบร้อยละ 3 โดยในปีนี้พบผู้ป่วยกามโรค 692 ราย และวัณโรคเกือบ 500 ราย อาจก่อให้โรคเอดส์ประทุขึ้นได้ ต้องเร่งป้องกัน วันนี้ ( 20 ธันวาคม 2549 ) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กรุงเทพฯ นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมระดับชาติ และปาฐกถาพิเศษเรื่อง “หยุดเอดส์....แรงงานข้ามชาติมีส่วนร่วม” จัดโดยมูลนิธิรักษ์ไทย ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข และภาคีองค์กรฟ้ามิตรเนื่องในวันแรงงานย้ายถิ่นสากล ซึ่งตรงกับวันที่ 18 ธันวาคมของทุกปี โดยการประชุมในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบการดูแลป้องกันและรักษาโรคเอดส์ การเข้าถึงบริการด้านสุขภาพและอนามัยเจริญพันธุ์ในกลุ่มของแรงงานต่างชาติและครอบครัวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ให้สอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์การป้องกันและรักษาโรคเอดส์ของประเทศไทย โดยมีตัวแทนแรงงานข้ามชาติคือพม่าและกัมพูชา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และภาคีโครงการฟ้ามิตร 9 องค์กรเข้าประชุมประมาณ 300 คน นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลไทยมีนโยบายอนุญาตให้ต่างด้าวเข้ามาใช้แรงงานในประเทศไทยและมาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา คาดว่าขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวและครอบครัวไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคน ส่วนใหญ่มาจากประเทศพม่า กัมพูชาและลาว แต่ในปี 2549 นี้ มีแรงงานมาตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพกับกระทรวงสาธารณสุขในราคา 1,700 บาท ต่อหัวต่อปี เพียง 6 แสนกว่าคนเท่านั้น ส่วนที่เหลือกว่า 1 ล้าน 4 แสนคนไม่สามารถเข้าถึงระบบบริการสุขภาพได้ และอาจเป็นแหล่งแพร่โรคติดต่อกลุ่มใหญ่ที่น่ากลัว มาสู่คนไทยได้ โดยเฉพาะโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โรคมาลาเรียและวัณโรค ทั้งนี้จากการเฝ้าระวังโรคในกลุ่มแรงงานต่างด้าวใน 76 จังหวัดทั่วประเทศใน รอบ 10 เดือน ของปี 2549 นี้ โดยสำนักระบาดวิทยา พบมีการเจ็บป่วยจากโรคติดต่อทั้งหมด 17,117 คน กว่าร้อยละ 50 มีอายุ 15-44 ปี พบในผู้ชายมากกว่าหญิง เสียชีวิต 24 คน จังหวัดที่พบมากที่สุดได้แก่ตาก 3,478 ราย กาญจนบุรี 2,732 ราย เชียงราย 2,184 ราย โรคที่พบมากอันดับ 1 ได้แก่โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ร้อยละ 36 รองลงมาคือมาลาเรียพบร้อยละ 23 และที่น่าห่วงและเป็นสัญญานภัยอาจทำให้ปัญหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคเอดส์ เพิ่มการแพร่ระบาดในประเทศไทยได้ก็คือ พบแรงงานต่างด้าวป่วยจากกามโรค เนื่องจากไม่ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันจำนวน 692 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 และพบป่วยจากวัณโรค 467 ราย คิดเป็นร้อยละ 2 ซึ่งในกลุ่มผู้ป่วยวัณโรคนี้จากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าร้อยละ 17-55 จะมีปัญหาติดเชื้อเอชไอวีร่วมด้วย จึงจะต้องเร่งควบคุมโรคในกลุ่มแรงงานเหล่านี้โดยเร็ว นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อไปว่า มาตรการในการป้องกันควบคุมโรคติดต่อ ในกลุ่มแรงงานต่างด้าว กระทรวงสาธารณสุขได้ให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง เฝ้าระวังควบคุมโรคติดต่อ 7 โรค ได้แก่ มาลาเรีย โรคเท้าช้าง วัณโรค โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เอดส์ โรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน และโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ เมื่อพบแล้วจะต้องให้การรักษาดูแล ป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อสู่คนไทย อย่างไรก็ดี ขณะนี้พบว่าระบบบริการสุขภาพยังขาดกลไกที่จะให้แรงงานต่างด้าวทั้งหมด สามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมได้ กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด พัฒนายุทธศาสตร์สุขภาพสำหรับประชากรต่างด้าวเป็นการเฉพาะ เป็นแผนระดับชาติ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้การดำเนินงานสาธารณสุขเป็นไปได้อย่างครอบคลุม มีมนุษยธรรม และสอดคล้องกับหลักความมั่นคงของประเทศ ได้แก่ 1.จัดให้มีระบบการบริการสาธารณสุขที่ครอบคลุมด้านการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันและควบคุมโรค รักษาพยาบาล และฟื้นฟูสภาพ ที่เข้าถึงได้และมีคุณภาพ 2.สนับสนุนให้มีทางเลือกต่างๆในการจัดระบบประกันสุขภาพอย่างทั่วถึง 3.สนับสนุนให้มีระบบบริการสาธารณสุขมูลฐานในชุมชนต่างด้าว มีอาสาสมัครสุขภาพแรงงานต่างด้าวหรือ อ.ส.ต. สามารถให้การดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัวเบื้องต้นได้ 4.การสร้างความเข้มแข็งและประสานความร่วมมือเครือข่ายทุกภาคส่วนทุกระดับทั้งภาครัฐเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชนสาธารณประโยชน์ ทั้งในและระหว่างประเทศ 5.พัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารสาธารณสุขประชากรต่างด้าว ให้สามารถใช้ในการวางแผน ควบคุมกำกับ และประเมินผลงานสาธารณสุขในทุกระดับ 6. สร้างระบบการบริหารจัดการสาธารณสุขประชากรต่างด้าวที่มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพ นายแพทย์ปราชญ์กล่าว ธันวาคม4/2-3 **************************** 20 ธันวาคม 2549


   
   


View 7    20/12/2549   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ