กระทรวงสาธารณสุข เผยแนวโน้มจะพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากอยู่ในฤดูกาลระบาดของไข้หวัดใหญ่ปกติ ประชาชนไทยไม่ต้องตระหนก สามารถไปเรียนไปทำงานได้ตามปกติ เพราะโรคนี้อาการ ไม่รุนแรง ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการน้อย สามารถพักรักษาตัวที่บ้านได้ เร่งออกคู่มือแนวทางปฏิบัติสำหรับสถานที่เป็น จุดเสี่ยงการระบาด เช่น โรงเรียน โรงงาน สถานบันเทิง เรือนจำ เพื่อควบคุมไม่ให้โรคแพร่ระบาดวงกว้าง คาดเสร็จทันใช้ในวันจันทร์นี้
เช้าวันนี้ (12 มิถุนายน 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข เพื่อทบทวนสถานการณ์และมาตรการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หลังพบการแพร่ระบาดในประเทศ และองค์การอนามัยโลกประกาศยกระดับ ความรุนแรงของการแพร่ระบาดเป็นระดับ 6 โดยมีแพทย์หญิงมาลินี สุขเวชวรกิจ รองผู้ว่าราชการกทม. ร่วมรับฟังและเสนอความคิดเห็นด้วย
นายวิทยากล่าวว่า ที่ประชุมได้ประเมินสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในไทย และยุบศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข เปลี่ยนเป็นศูนย์อำนวยการปฏิบัติการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยมีปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้อำนวยการศูนย์ โดยจะยังคงมาตรการเฝ้าระวังโรคในทุกพื้นที่ และเพิ่มความเข้มข้นการควบคุมโรคในพื้นที่ที่มีการระบาดแล้ว เพื่อจำกัดวงให้แคบที่สุด ลดผลกระทบโดยรวม ซึ่งเป็นไปตามมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล คาดว่าจำนวนผู้ป่วยจะมีมากขึ้นต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากเป็นฤดูกาลระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ปกติด้วย การรายงานจำนวนผู้ป่วยยืนยันจะดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและประชาชนได้รับรู้ข้อเท็จจริง ไม่มีการปกปิดข้อมูล ซึ่งประชาชนทุกคนไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก สามารถใช้ชีวิตประจำวัน ไปเรียนไปทำงานได้ตามปกติ แต่ขอให้เพิ่มพฤติกรรมการดูแลความสะอาดส่วนบุคคล เช่น การล้างมือ การใช้ช้อนกลางในการกินอาหารร่วมกัน การใช้หน้ากากอนามัยเมื่อป่วยเป็นไข้หวัด ไอ มีน้ำมูก เพื่อป้องกันแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่น
นายวิทยา กล่าวต่อว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์ทั่วโลก พบว่าโรคนี้ผลกระทบต่อสุขภาพไม่รุนแรง อัตราตายต่ำ อาการป่วยคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล การติดต่อเหมือนกัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการน้อยบางรายมีอาการน้อยมากจนไม่รู้ว่าป่วย และส่วนใหญ่หายเองได้ ทั่วโลกยังไม่มีวัคซีนป้องกัน หลักการสำคัญที่ควรปฏิบัติคือ เมื่อมีอาการป่วยเล็กน้อย สามารถหยุดพักเพื่อรักษาตัวที่บ้านได้ โดยพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ อาการจะหายเองได้ภายใน 2-3 วัน และป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น ซึ่งทำได้โดยใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังไอ จาม และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น แต่หากอาการรุนแรงขึ้น เช่น ไข้สูง หรือไอมาก หรือหายใจลำบาก ให้ไปรักษาที่โรงพยาบาล อย่างไรก็ตาม การนำเสนอข้อมูลทางสื่ออย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกได้ ได้ให้คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข จัดทำแนวทางปฏิบัติสำหรับโรงเรียน โรงงาน สถานบริการต่างๆ สถานบันเทิง เรือนจำ ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดของโรค เพื่อใช้เป็นคู่มือดำเนินการเป็นแนวทางเดียวกันทั่วประเทศ จะเร่งให้เสร็จในวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพและกรมอนามัย ดำเนินการรณรงค์สร้างเสริมพฤติกรรมสุขภาพเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ และขยายให้ครอบคลุมทุกกลุ่มทุกพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนกแต่ตระหนักในการดูแลป้องกันตนเองให้ปลอดจากโรค สำหรับเรื่องการดูแลรักษาผู้ป่วย ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขมียาต้านไวรัสอย่างเพียงพอ 4.2 แสนชุด โดยองค์การเภสัชกรรมได้สำรองวัตถุดิบสำหรับผลิตเพิ่มอีก 1 แสนชุด ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ ขณะเดียวกันได้ให้องค์การเภสัชกรรมสั่งจองวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ไว้ 2 ล้านชุด ซึ่งคาดว่าจะมีการผลิตในอีก 4 เดือนนี้ และจะส่งถึงไทยประมาณเดือนมีนาคม 2553
สำหรับสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ทั่วโลก เช้าวันนี้ตามเวลาประเทศไทย องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วยทั้งหมด 28,774 ราย ใน 74 ประเทศ เสียชีวิต 144 ราย ใน 7 ประเทศ ได้แก่ เม็กซิโก 108 ราย สหรัฐอเมริกา 27 ราย แคนาดา 4 ราย คอสตาริก้า 1 ราย ชิลี 2 ราย สาธารณรัฐโดมินิกัน 1 ราย และโคลัมเบีย 1 ราย ในส่วนของประเทศไทย จนถึงขณะนี้มีผู้ป่วยยืนยันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ทั้งหมด 46 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยและรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และมีผู้อยู่ในข่ายเฝ้าระวังที่อยู่ระหว่างการสอบสวนโรคและตรวจทางห้องปฏิบัติการจำนวน 105 ราย
*************************************** 12 มิถุนายน 2552
View 14
12/06/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ