บ่ายวันนี้ (22 ธันวาคม 2549) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จทอดพระเนตรผลการดำเนินงาน โครงการฟื้นฟูเพื่อสายใยรักแห่งครอบครัวผู้ประสบภัยพิบัติ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ณ วัดสูงสุมารมหันตาราม (วัดจระเข้ใหญ่) หมู่ที่ 2 ตำบลจระเข้ใหญ่ อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี ในการนี้ทรงเสด็จเยี่ยมแม่และเด็ก โครงการแม่และเด็กที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่และสตรีมีครรภ์ โดยมีนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขและข้าราชการ เฝ้ารับเสด็จ
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระปณิธานอันแน่วแน่ ที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นานที่สุด เพื่อให้เด็กไทยมีพัฒนาการสมวัย ส่งผลให้เชาวน์ปัญญา (IQ) เทียบเท่ามาตรฐาน และเป็นพื้นฐานการพัฒนาประเทศ ทรงมีพระดำริให้ดำเนินโครงการสายใยรักแห่งครอบครัว และเป็นองค์ประธานโครงการดังกล่าว
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงสาธารณสุขได้สนองพระดำริ เพื่อสนับสนุนโครงการสายใยรักแห่งครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2548 โดยให้สถานบริการสาธารณสุขทุกแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน มีนโยบายและกลวิธีดำเนินงาน ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนให้กับแม่หลังคลอดทุกราย พัฒนาองค์ความรู้ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ให้จัดระบบบริการให้คำปรึกษาอย่างมีมาตรฐาน รณรงค์ ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทั้งในสถานบริการ ครอบครัว ชุมชนเพื่อเด็กไทยทุกคนมีสุขภาพที่ดี ได้รับการเลี้ยงดูถูกต้องตามวัย และให้งดการแจกนมดัดแปลงสำหรับทารกแก่พ่อแม่ผู้ปกครองหรือญาติ และเด็กเล็กในสถานบริการสาธารณสุขทุกแห่ง รวมถึงสำนักงานทะเบียนราษฎร์ทุกแห่งทั่วประเทศด้วย
นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวอีกว่า เด็กในช่วงอายุ 0-1 ปี เป็นช่วงที่สำคัญ จะต้องได้รับทั้งอาหารเพื่อการเจริญเติบโตของร่างกาย และอาหารใจที่ได้จากการสัมผัสด้วยความรักจากแม่ เป็นการวางรากฐานของชีวิตเด็กที่สร้างความมั่นคงทางด้านจิตใจ และอารมณ์ของเด็กเพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ และการกินนมแม่อย่างเดียวจะประหยัดเงินถึง 1,920,000,000 บาท ในระยะเวลา 6 เดือน นมแม่ถือว่าเป็นต้นทุนของแม่ที่ให้กับลูก ช่วยทำให้ทารกพัฒนาสมอง และสติปัญญาของเด็ก
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาของแอนเดอร์สัน เจดับบลิว (Anderson JW) และคณะ พบว่า ทารกที่ได้รับนมแม่มีค่าเฉลี่ยระดับเชาว์ปัญญาเหนือกว่าทารกที่ไม่ได้รับนมแม่ 5.32 จุด อย่างชัดเจน และจากการประชุมวิชาการนมแม่แห่งชาติ ครั้งที่ 1 ในปี 2548 มีรายงานว่า ทารกที่ได้รับนมแม่มีระดับเชาว์ปัญญาเหนือกลุ่มเปรียบเทียบ 3.16 จุด นอกจากนี้เมื่อยามที่แม่ได้โอบกอด สัมผัส อุ้มลูกไว้ในอ้อมกอด และส่งเสียงพูดคุย หยอกล้อนั้น ยังส่งผลให้เด็กมีการพัฒนาการที่สมวัยและมีโอกาสที่ระดับเชาว์ปัญญาเพิ่มได้ 3-10 จุดด้วย
************************ 22 ธันวาคม 2549
View 7
22/12/2549
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ