กระทรวงสาธารณสุข เสนอที่ประชุมไข้หวัดใหญ่ระดับชาติ ปรับยุทธศาสตร์การป้องกันโรคในสถานที่ที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน สถานประกอบการ ค่ายทหาร พร้อมวางแนวทางสำหรับดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะการให้ยาต้านไวรัส และขยายช่องทางสื่อสารข้อมูลความรู้ให้เข้าถึงประชาชนมากขึ้น เผยวันนี้ครม.อนุมัติงบ 850 ล้านบาท สำหรับผลิตยาต้านไวรัสอีก 10 ล้านเม็ด และจัดซื้อวัคซีน 2 ล้านโดส บ่ายวันนี้ (14 กรกฎาคม 2552) ที่ตึกสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ เพื่อติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ และพิจารณาปรับยุทธศาสตร์การดำเนินงานให้สอดรับกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของประเทศ โดยขณะนี้การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 อยู่ในช่วงขาขึ้นของการระบาด และขยายตัวไปทั่วประเทศ คาดว่าการแพร่ระบาดจะยังเพิ่มต่อเนื่องในช่วงปีนี้ และอาจยาวนานถึง 2 ปี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการคาดการณ์ว่า ในปีนี้ผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ของประเทศ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ และจะมีการแพร่กระจายได้รวดเร็วและกว้างขวางกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อนี้ โดยกลุ่มนักเรียน คนวัยทำงาน จะมีความเสี่ยงติดเชื้อมากกว่ากลุ่มอื่น เนื่องจากมีกิจกรรมทางสังคมมากกว่า ทั้งนี้ มาตรการสำคัญที่ยังต้องดำเนินการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง คือการป้องกันโรค โดยให้ผู้ที่ป่วยพักฟื้นอยู่กับบ้าน ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ และให้ประชาชนทุกคนล้างมือบ่อยๆ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ขณะเดียวกันก็ต้องลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราเสียชีวิต โดยการดูแลและให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้ป่วยอย่างเหมาะสม โดยในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอปรับยุทธศาสตร์ เพื่อจัดการแก้ปัญหาไข้หวัดใหญ่ของประเทศ 3 ด้าน ได้แก่ 1.การดูแลรักษาผู้ป่วย โดยปรับระบบบริการในโรงพยาบาลทุกแห่งให้มีช่องทางพิเศษสำหรับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะ มีแนวทางในการรักษาและให้ยาต้านไวรัสแก่ผู้ป่วย และพิจารณาตรวจชันสูตรทางห้องปฏิบัติการเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรงและเพื่อการเฝ้าระวัง โดยมีกระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยต่างๆ และกทม. รับผิดชอบ 2.การป้องกันการแพร่ระบาดของโรค โดยเปลี่ยนจากการคัดกรองผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศ มาเป็นการป้องกันในสถานที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก เช่น โรงเรียน สถานบันเทิง สถานประกอบการ ค่ายทหาร และมีการปรับมาตรการในการควบคุมป้องกันโรค ให้สอดรับกับความรุนแรงของการแพร่ระบาด มีกระทรวงศึกษาธิการ แรงงานฯ มหาดไทย กลาโหม สาธารณสุขและกทม. รับผิดชอบ และมาตรการที่ 3 เป็นการปรับด้านการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ให้เข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม โดยขยายช่องทางในการสื่อสาร และเสริมบทบาทท้องถิ่น ชุมชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น มีกรมประชาสัมพันธ์ กระทรวงเทคโนโลยีและสารสนเทศ และสสส. รับผิดชอบ ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในวันนี้ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณ จำนวน 250 ล้านบาท เพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขจัดซื้อวัตถุดิบเพื่อผลิตยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ เพิ่มอีก 10 ล้านเม็ด จากขณะนี้ที่มีสำรองอยู่ 5 ล้านเม็ด ซึ่งเพียงพอสำหรับผู้ป่วย 1.5 ล้านคน และอนุมัติงบจัดซื้อวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ จำนวน 2 ล้านโดส อีก 600 ล้านบาท ซึ่งองค์การเภสัชกรรมได้สั่งจองกับบริษัทซาโนฟี่ไว้แล้ว จะได้รับประมาณเดือนตุลาคมนี้ นอกจากนี้ ยังได้มีมติเห็นชอบตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ที่เสนอให้ทุกส่วนราชการอนุญาตให้ผู้ป่วยที่เป็นหวัด หยุดพักรักษาตัวที่บ้านได้จนกว่าจะหายดี โดยไม่ถือเป็นวันลา และไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์ ส่วนสถานประกอบการ กระทรวงสาธารณสุขจะประสานกระทรวงแรงงานฯ เพื่อขอความร่วมมือในการอนุญาตให้พนักงานที่ป่วยไข้หวัดใหญ่ ลาหยุดได้โดยไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ และได้รับค่าตอบแทนตามปกติ สำหรับโรงเรียนกวดวิชาที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ หลังจากครบกำหนดปิดแล้ว จะขอความร่วมมือให้จัดระบบตรวจคัดกรองนักเรียน ถ้าพบมีไข้ให้หยุดเรียนจนกว่าจะหาย และให้ทำความสะอาดสถานที่อย่างเข้มงวด และจัดเจลหรือสบู่สำหรับล้างมืออย่างพอเพียง ****************************** 14 กรกฎาคม 2552


   
   


View 8    14/07/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ