สาธารณสุขชวนคนไทยทุกคนเป็นฮีโร่ สู้ภัยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ตัวจริง จัดประกวดการออกแบบหน้ากากอนามัยให้สวยงาม น่าใช้ รณรงค์ให้ประชาชนทำหน้ากากอนามัย และใช้เป็นนิสัย ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2552 พร้อมทั้งสอนทำเจลแอลกอฮอล์ที่มีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อที่มือแบบง่ายๆ
บ่ายวันนี้ (17 กรกฎาคม 2552) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยดร.นายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ แถลงข่าวการจัดประกวดการออกแบบหน้ากากอนามัย ใส่ใจสุขภาพ (The Mask of Hero : Do it Your Self) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาทำหน้ากากอนามัยใช้เอง และสร้างกระแสให้คนไทยยกย่องคนที่สวมหน้ากากอนามัยเมื่อป่วย ว่าเป็นฮีโร่ เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม ในการป้องกันการแพร่กระจายของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้มีการสาธิตวิธีทำหน้ากากอนามัยชนิดผ้า และเจลแอลกอฮอล์ล้างมือฆ่าเชื้อโรคเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
นายวิทยากล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ฯ คณะผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมป้องกันโรค ได้คาดการณ์การแพร่ระบาดจะขยายตัวไปทั่วประเทศและอาจยาวนานถึง 2 ปี กระทรวงสาธารณสุขจัดยุทธศาสตร์สู้ภัยโรค โดยรณรงค์ให้คนไทยใส่หน้ากากอนามัยเมื่อป่วยเป็นไข้หวัดหรือโรคติดเชื้ออื่นๆ ที่ติดต่อกันได้ทางการไอจาม เช่น วัณโรค และใส่ป้องกันตัวเองเมื่อต้องอยู่ในที่มีคนอยู่รวมกันจำนวนมาก การระบายอากาศไม่ดี เนื่องจากข้อมูลองค์การอนามัยโลกพบว่า การใส่หน้ากากอนามัยจะช่วยกรองเชื้อโรคและลดการแพร่กระจายเชื้อโรคที่อยู่ในละอองเสมหะ น้ำมูกน้ำลาย จากการไอ จาม ไปสู่คนอื่นได้ถึงร้อยละ 90 และการล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะหลังการไอ จาม หรือสัมผัสน้ำมูก จะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเดินหายใจได้เป็นอย่างดี หากทำควบคู่ไปทั้ง 2 วิธีนี้ จะช่วยให้คนไทยส่วนใหญ่ปลอดภัยจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ได้
สำหรับหน้ากากอนามัยมีให้เลือกใช้ได้ 2 ชนิด คือ ชนิดใช้แล้วทิ้ง ทำจากกระดาษ ต้องเปลี่ยนทุกวัน หรือเมื่อเปียกชื้น ใช้วันละ 1-2 ชิ้น ทำให้สิ้นเปลืองมาก ราคาชิ้นละ 3-5 บาท และชนิดทำจากผ้าซึ่งมีประสิทธิภาพในการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไม่แตกต่างกัน แต่สามารถซักทำความสะอาดด้วยผงซักฟอกและนำมาใช้ได้อีกหลายครั้งจนกว่าจะชำรุด เนื่องจากการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ จะอยู่ต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลานาน การใช้หน้ากากที่ทำจากผ้าจึงสะดวกและคุ้มค่ากว่า เพราะใช้ต้นทุนผลิตชิ้นประมาณ 7 บาท กระทรวงสาธารณสุข จึงได้ให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ส่งเสริมการทำหน้ากากอนามัยใช้เอง และเผยแพร่วิธีทำหน้ากากอนามัยชนิดผ้าให้กลุ่มอสม.ที่มีเกือบ 1 ล้านคนทั่วประเทศ เพื่อนำไปขยายผลสู่ชุมชนหมู่บ้านทั่วประเทศ
ด้านนายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ขณะนี้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้จัดทำสื่อการสอนทำหน้ากากอนามัยชนิดผ้าที่ได้มาตรฐาน ด้วยตนเองและจัดส่งให้อสม.ทุกจังหวัดแล้ว และเพื่อสร้างกระแสตื่นตัวในเรื่องการใส่หน้ากากอนามัย ได้จัดประกวดการออกแบบหน้ากากอนามัย ให้ประชาชนใช้ความคิดสร้างสรรค์ออกแบบหน้ากากอนามัยตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ให้มีความสวยงาม น่าใช้ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. การออกแบบหน้ากากอนามัยทั่วไป มี 4 ระดับ ได้แก่ ประถมศึกษา มัธยมศึกษา อุดมศึกษา และบุคคลทั่วไป ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 3,000 บาท และรองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 2,000 บาท
2. การออกแบบแฟชั่นหน้ากากให้เข้ากับเสื้อผ้าที่สวมใส่ มี 5 รางวัล ได้แก่ 50,000 บาท 30,000 บาท 20,000 บาท และ 10,000บาทอีก 2 รางวัล โดยสามารถส่งแบบภาพหน้ากากอนามัยขนาดกระดาษ เอ 4 เป็นไฟล์ภาพ ขนาด 20 กิโลไบท์ พร้อมแนวความคิดในการออกแบบ และหมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับ ส่งไปที่ themaskofhero@hotmail.com ส่งผลงานได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 14 สิงหาคม 2552 ประกาศผลรอบแรกจากภาพสเก็ตช์ในวันที่ 17 สิงหาคม 2552 และประกาศผลรอบสุดท้ายวันที่ 21 สิงหาคม 2552 โดยจะจัดแฟชั่นโชว์ผลงานที่ได้รับรางวัลทั้งหมดด้วย ผู้สนใจติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มรณรงค์ด้านสุขภาพ กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โทร. 0 2590 1612 สำหรับรายละเอียดการทำหน้ากากอนามัย และเจลล้างมือ สามารถดูได้ที่ www.hss.moph.go.th และ www.thaihed.com
ทั้งนี้ ในการทำเจลแอลกอฮอล์ล้างมือแบบง่ายๆ แต่มีผลในการฆ่าเชื้อโรคที่ติดมากับมือนั้น มีสูตรการทำที่ไม่ยุ่งยาก มีส่วนประกอบดังนี้คือ กลีเซอรีน แอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซนต์ที่ใช้ล้างแผล และน้ำมันหอมระเหยกลุ่มต่างๆ ตามชอบ หากต้องการเจลขนาด 1,000 ซี.ซี. จะใช้กลีเซอรีน 10 ซี.ซี.หรือขนาด 2 ช้อนชา แอลกอฮอล์ 990 ซี.ซี. คนให้เข้ากัน และเทบรรจุในภาชนะที่มีอยู่เช่น ขวดใส่แชมพูสระผมที่หมดแล้ว และปิดฝาให้สนิท การเก็บควรให้ห่างจากเปลวไฟ เนื่องจากแอลกอฮอล์สามารถระเหยและติดไฟได้
**************************************** 17 กรกฎาคม 2552
View 11
17/07/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ