รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งแก้ปัญหาการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ให้ผู้ตรวจราชการ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด เข้มมาตรการตรวจคัดกรอง และการเข้าถึงบริการยาต้านไวรัสอย่างรวดเร็ว รวมทั้งประสานคลินิก ร้านขายยาในพื้นที่ ให้ส่งผู้ป่วยหากกินยาลดไข้ 2 วันแล้วไข้ไม่ลดลง อาการไม่ดีขึ้น นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์กรณีบางจังหวัดมีรายงานผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 มาก ว่า ได้มอบหมายให้นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ว่าได้มีการดำเนินการตรวจคัดกรองผู้ป่วย และให้การรักษาพยาบาลตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ โดยเฉพาะผู้ที่เสียชีวิต เหตุผลของการเสียชีวิตต้องมีคำอธิบายได้หมด เช่น มีโรคประจำตัว ทางการแพทย์ช่วยไม่ได้ แต่ถ้าหากสาเหตุมาจากเข้าถึงบริการช้า ต้องตรวจสอบว่าช้าเพราะเหตุใด เพราะกระทรวงสาธารณสุขได้มอบนโยบายชัดเจนว่า ผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องได้รับการรักษาพยาบาลทันที คนป่วยเป็นไข้ 2 วันต้องเข้าถึงยาต้านไวรัสทันที ซึ่งโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนทราบมาตรฐานนี้ดี รวมทั้งได้เข้าไปกวดขันขอความร่วมมือกับร้านขายยาในการส่งผู้ป่วยเข้ารักษาต่อที่โรงพยาบาล “จากรายงานผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ พบว่ามีบางจุดบกพร่องที่จำเป็นต้องปรับปรุงคือ ได้รับยาช้าไป เมื่อวานนี้ผมและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม กำชับจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดมาก ใน 2 เรื่อง คือเรื่องการรักษาพยาบาล ต้องรวดเร็วทันท่วงที และการสำรองยาต้านไวรัส ของโรงพยาบาลทุกแห่ง โดยให้นโยบายว่าทุกจังหวัดต้องมียาในคลังสำรองยา พร้อมรับมือกรณีเกิดภาวะวิกฤต มีผู้ป่วยจำนวนมากพร้อมกัน มั่นใจว่ามียาใช้เพียงพอ ส่วนใหญ่เตรียมความพร้อมอย่างดี มีผู้ป่วยที่มีอาการไข้หวัดใหญ่รับบริการที่จุดคัดกรองวันละประมาณ 100 คนต่อแห่ง เจ้าหน้าที่รับมือได้” นายวิทยากล่าว นายวิทยา กล่าวต่อไปว่า ได้กำชับผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ขอให้กวดขันมาตรฐานการรักษา ระบบสำรองยาต้านไวรัสในโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งการประสานขอความร่วมมือคลินิก ร้านขายยาทุกแห่งในพื้นที่ หากพบผู้ป่วยที่มีไข้ กินยา 2 วันแล้วไข้ยังไม่ลด อาการยังไม่ดีขึ้น ขอให้แนะนำให้ผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที เพื่อป้องกันการเสียชีวิต *************************** 23 กรกฎาคม 2552


   
   


View 8    23/07/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ