รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ให้ความรู้ประชาชนเรื่องการดูแลเบื้องต้นเมื่อป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ ที่ห้างสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ กำชับสถานพยาบาลทุกแห่งป้องกันควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ตามมาตรการของกระทรวงฯ อย่างเข้มงวด สร้างความเชื่อมั่นผู้ป่วยว่าจะได้รับดูแลรักษาอย่างถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพทางการแพทย์ พร้อมตรวจสอบการกระจายยาต้านไวรัสทั่วประเทศ และให้ สปสช.เรียกโรงพยาบาล คลินิกเอกชนในเครือข่าย หารือการรักษาเป็นมาตรฐานเดียวกันกับกระทรวงสาธารณสุข วันนี้ (27กรกฎาคม2552) ที่ห้างสรรพสินค้าสยามเซ็นเตอร์ กทม. นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดโครงการ “แพทย์ห่วงใย ประชาร่วมใจ พ้นภัยไข้หวัดใหญ่ 2009” โดยกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ในการดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นในระบบการรักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ตามมาตรฐานวิชาชีพ นายมานิต กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ขณะนี้ได้แพร่ขยายไปทั่วประเทศ ที่ผ่านมาแม้ว่าผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ กว่าร้อยละ 99 รักษาหาย แต่มีกลุ่มเสี่ยงบางรายที่ได้รับเชื้อและมีอาการแทรกซ้อนจนเสียชีวิต ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์ ซึ่งดูแลมาตรฐานการรักษาโรคนี้ เร่งให้ความรู้ความเข้าใจแนวทางการรักษา การสังเกตอาการ และการดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อให้ประชนมีความรู้ในการป้องกันตนเองจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ และเชื่อมั่นในระบบการดูแลรักษา ว่าผู้ป่วยทุกคนทุกสิทธิการรักษา จะได้รับการรักษาอย่างถูกต้องตามมาตรฐานวิชาชีพทางการแพทย์ และมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข นายมานิต กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะการรักษาพยาบาล ขณะนี้มีความสำคัญมาก ต้องเร่งลดอัตราการเสียชีวิตให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยประชาชนทั่วไปที่ไม่มีโรคประจำตัว หากมีอาการไข้ร่วมกับอาการหวัด กินยาลดไข้แล้วไม่ดีขึ้นภายใน 2 วันควรรีบพบแพทย์ทันที ส่วนผู้ที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว หากมีอาการไข้ร่วมกับอาการหวัดต้องรีบพบแพทย์ทันที ไม่ควรซื้อยาลดไข้กินเอง ผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มนี้ต้องได้กินยาต้านไวรัส ภายใน 48 ชั่วโมงหลังเริ่มป่วย ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน ยืนยันว่าขณะนี้มียาต้านไวรัสเพียงพอสำหรับประชาชนที่ป่วยเป็นโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ทุกคน “ในวันนี้ได้ให้ตรวจสอบการกระจายยาต้านไวรัสในสถานพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ โดยทุกแห่งต้องมียาต้านไวรัสอย่างเพียงพอและทั่วถึง และให้ สปสช. เชิญโรงพยาบาลและคลินิกเอกชน ที่เป็นเครือข่ายทั้งหมด หารือเรื่องบริการรักษาพยาบาล เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานเดียวกันกับกระทรวงสาธารณสุข ส่วนการที่จะให้คลินิกเอกชน จ่ายยาต้านไวรัสได้เองนั้น ในช่วงบ่ายวันนี้คณะอนุกรรมการด้านวิชาการฯ จะได้หารือในรายละเอียดว่าควรได้รับยาหรือไม่ หากได้รับยาจะมีมาตรฐานการควบคุมอย่างไร เนื่องจากข้อมูลขณะนี้พบว่าผู้ป่วยร้อยละ 30 เสียชีวิตจากการได้รับยาช้าไป เพราะบางรายป่วยอยู่กับบ้านนานก่อนที่จะมาพบแพทย์ ทำให้เชื้อลุกลามลงปอด และบางรายไปรักษาที่คลินิกก่อน ไม่ดีขึ้นจึงค่อยมาโรงพยาบาล”นายมานิตกล่าว ด้านนายแพทย์เรวัต วิศรุตเวช อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ในไทยมีแนวโน้มเป็นโรคประจำถิ่น การดูแลรักษาผู้ป่วยต้องทำอย่างเร่งด่วนและสอดคล้องกับสถานการณ์ของโรค เป็นการแสดงถึงศักยภาพของแพทย์ไทยในการรับมือกับวิกฤตการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ โดยให้ความรู้มาตรการป้องกันไม่ให้ป่วย และหากป่วยแล้วต้องรู้จักแนวทางการดูแลตัวเองที่ถูกต้อง ก็จะปลอดภัยจากโรค เพราะโรคนี้สามารถป้องกันได้และรักษาหายได้ ทั้งหายได้เอง และจากการได้รับยาช่วย สิ่งสำคัญคือผู้ที่ป่วยต้องรีบพบแพทย์ทันที อย่าปล่อยให้อาการหนักจนเชื้อลุกลามทำลายปอด โอกาสเสี่ยงเสียชีวิตจะสูงมาก ***************************** 27 กรกฎาคม 2552


   
   


View 14    27/07/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ