รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยหญิงอายุ 16 ปีแท้งลูกที่โคราช ไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ แนะหญิงตั้งครรภ์ทั่วประเทศ หากป่วยมีไข้ ไอ มีน้ำมูก ให้รีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรง ชี้ผลการศึกษาทั่วโลก พบยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ ไม่มีผลต่อเด็กในครรภ์ นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีหญิงอายุ 16 ปีตั้งครรภ์ได้ 6 เดือนและแท้งหลังมีไข้ ที่กำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลมหาราช จังหวัดนครราชสีมา ว่า ได้รับรายงานผลการตรวจยืนยันเชื้อทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธีพีซีอาร์ 2 ครั้ง พบไม่ได้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หญิงรายดังกล่าว มาด้วยอาการไข้ ไอ หอบ ส่งตัวมาจากโรงพยาบาลด่านขุนทด จ.นครราชสีมาเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2552 ถึงโรงพยาบาลมหาราช แพทย์ตรวจพบปอดอักเสบทั้ง 2 ข้าง ใส่เครื่องช่วยหายใจ รับตัวไว้รักษาในห้องไอซียู เริ่มให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์และยาปฏิชีวนะในวันเดียวกัน ต่อมาวันที่ 28 กรกฎาคม 2552 เวลาประมาณ 06.00 น. ได้แท้งลูก อาการล่าสุดวันนี้ยังมีไข้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลา แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นปอดอักเสบ ซึ่งมีสาเหตุได้ทั้งจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า ขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้สถานพยาบาลทั่วประเทศปรับยุทธศาสตร์ในการดูแลหญิงตั้งครรภ์ โดยให้อสม.และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสถานีอนามัย ออกเยี่ยมหญิงตั้งครรภ์ที่บ้าน พร้อมให้การดูแลและคำแนะนำการปฏิบัติตัว โดยขอให้หลีกเลี่ยงการไปเยี่ยมผู้ป่วยอื่น ๆ ในโรงพยาบาล หากมีผู้ป่วยไข้หวัดอยู่ในบ้าน ขอให้ใส่หน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วย และหากมีอาการป่วยอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้คือ มีไข้ ไอ มีน้ำมูก ปวดเมื่อยร่างกาย ท้องเสีย อาเจียน ขอให้รีบไปโรงพยาบาลทันที ไม่ต้องรอดูอาการหรือซื้อยากินเอง เพราะการพบแพทย์เพื่อตรวจรักษาและรับยาต้านไวรัสเร็ว จะเป็นผลดีต่อทั้งแม่และเด็ก โดยผลการศึกษาทั่วโลก ยืนยันตรงกันว่ายาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์มีความปลอดภัย ไม่มีผลเสียต่อเด็กในครรภ์ และทำให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปได้จนถึงคลอด ******************************* 31 กรกฎาคม 2552


   
   


View 8    31/07/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ