กระทรวงสาธารณสุข เผยโรคมะเร็งปากมดลูก ดับชีวิตหญิงไทยวันละ 7 คน โรคมักชอบเกิดในรายที่อายหมอ เร่งรณรงค์ตรวจค้นหา และรักษาตั้งแต่ก่อนมะเร็งลุกลาม โดยใช้เทคนิคตรวจรักษาที่เรียกว่า วีไอเอ ทำได้ง่าย รู้ผลเร็วใน 1 นาที หากพบเซลล์ปากมดลูกผิดปกติ จะให้การรักษาด้วยการจี้เย็นได้ทันที เพื่อตัดวงจรไม่ให้เซลล์พัฒนาเป็นมะเร็ง ชี้ให้ผลดี พยาบาลสามารถทำได้ วันนี้ (3 สิงหาคม 2552) นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดมหกรรมตรวจมะเร็งปากมดลูก 10,000 ราย ถวายสมเด็จพระบรมราชินีนาถฯ ของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2552 ที่บริษัทซันสตาร์ เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทยจำกัด) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการว่า กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้ทุกจังหวัดตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูก ในผู้หญิงที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป เพื่อให้การรักษาก่อนที่เซลล์มะเร็งจะลุกลามไปอวัยวะอื่น ซึ่งจะสามารถลดอัตราการป่วยและเสียชีวิตได้ผลดีที่สุด เนื่องจากโรคมะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในหญิงไทย พบมากในอายุ 35 – 50 ปี เป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตเฉลี่ย 7 คนต่อวันหรือปีละประมาณ 3,000 คน และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 3 ของหญิงทั่วโลก โรคนี้ไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก จะรู้ได้จากการตรวจภายใน ทำให้หญิงไทยซึ่งมีปัญหาเรื่องอาย ไม่กล้าไปให้แพทย์ตรวจ แต่จะไปรักษาเมื่อมีอาการผิดปกติแล้ว ซึ่งเป็นระยะที่มะเร็งลุกลามทำให้การรักษาไม่ค่อยได้ผล แต่หากตรวจพบและให้การรักษาตั้งแต่ระยะแรก โอกาสหายขาดจะสูงมาก ด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ทำได้ 2 วิธีคือ วิธีแป็บสเมียร์ ซึ่งเป็นการขูดเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก ตรวจดูความผิดปกติของเซลล์ รู้ผลในเวลา 1 เดือน และตรวจด้วยวิธีที่เรียกว่าวีไอเอ (VIA : Visual Inspection with Acetic Acid) พยาบาลวิชาชีพสามารถทำได้ โดยใช้กรดน้ำส้มสายชู 3-5 เปอร์เซ็นต์ ป้ายที่บริเวณปากมดลูก แล้วทิ้งไว้ 1 นาที เพื่อดูความผิดปกติของปากมดลูกในระยะก่อนที่จะเป็นมะเร็ง วิธีนี้ทำได้ง่าย รู้ผลเร็ว หากพบเนื้อเยื่อที่ปากมดลูกเป็นฝ้าสีขาว แสดงว่าผิดปกติ หากทิ้งไว้อาจกลายเป็นมะเร็ง ก็จะทำการรักษารอยฝ้าด้วยการจี้เย็นทันที ทำให้เซลล์ที่ผิดปกติตายและหลุดลอกออกไปหมด ตัดวงจรไม่ให้เซลล์พัฒนาเป็นเซลล์มะเร็ง โดยวิธีนี้ให้ผลดีเหมาะใช้ตรวจหญิงอายุ 30-45 ปี เนื่องจากสามารถมองเห็นลักษณะของปากมดลูกได้ชัดเจน จากการตรวจค้นหาด้วยวีธีวีไอเอที่ผ่านมา พบความผิดปกติประมาณร้อยละ 5-10 ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งได้รับการรักษาด้วยการจี้ด้วยความเย็นทันที ที่เหลือส่งต่อไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล และพบว่าการตรวจค้นหาด้วยวีธีวีไอเอและรักษาด้วยการจี้เย็นทันที ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ถึงร้อยละ 35 มีค่าใช้จ่ายน้อย ความคุ้มทุนสูง กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบให้กรมอนามัยเร่งอบรมพยาบาลวิชาชีพ สามารถตรวจมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีวีไอเอในหญิงอายุ 30 – 45 ปีให้ครอบคลุมทุกจังหวัด จนถึงปัจจุบันมีพยาบาลที่ผ่านการอบรมแล้วกว่า 600 คนใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ และปรับยุทธศาสตร์ให้จัดหน่วยเคลื่อนที่บริการตรวจฟรีเสริมในส่วนภูมิภาคด้วย เพื่อแก้ปัญหาการอายหมอของผู้หญิงในเขตชนบทด้วย ด้านนายแพทย์วีรพล นิธิพงศ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ในปี 2551 จังหวัดสมุทรปราการ ได้ตรวจค้นหามะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีแป็บสเมียร์ แก่ผู้หญิงอายุ 35,40,45,50,55 และ 60 ปี จำนวน 23,020 คน พบเซลล์เริ่มผิดปกติ 260 คน หรือประมาณร้อยละ 1 โดยพบเป็นมะเร็งปากมดลูก 6 คน ในปีนี้ ได้ขยายกลุ่มเป้าหมายเป็นอายุ 30 – 45 ปี ได้เพิ่มบริการตรวจด้วยวิธีวีไอเอเพิ่มขึ้น โดยอบรมพยาบาลวิชาชีพ 22 คน จนถึงปัจจุบันสามารถตรวจคัดกรองได้ 783 คน พบผิดปกติ 17 คนหรือร้อยละ 2 เนื่องจากหญิงวัยเจริญพันธุ์ของจังหวัดสมุทรปราการส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม ไม่สะดวกในการมารับการตรวจรักษา จึงได้ปรับการทำงาน โดยระดมความร่วมมือจากทีมแพทย์ พยาบาล จากกองอนามัยการเจริญพันธุ์และศูนย์อนามัยเขต กรมอนามัย ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ศูนย์มะเร็งลพบุรี ศูนย์มะเร็งชลบุรี และสำนักงานสาธารณสุข รวม 80 คน ออกหน่วยเคลื่อนที่คัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธีวีไอเอ ในโรงงานอุตสาหกรรมนิคมอุตสาหกรรมบางปู และบางพลี ซึ่งร่วมโครงการ 53 แห่ง ในระหว่างวันที่ 3 – 11 สิงหาคม 2552 ตั้งเป้าหมาย 10,000 คน ถ้าพบเนื้อเยื้อมีความผิดปกติในระยะก่อนเป็นมะเร็งสามารถรักษาได้ทันที *************************************** 3 สิงหาคม 2552


   
   


View 8    04/08/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ