รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เผยได้กระจายอำนาจให้ผู้บริหารทุกจังหวัด มีสิทธิตัดสินใจและสั่งซื้อเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์ในโครงการไทยเข้มแข็ง ตามความต้องการและจำเป็นของพื้นที่ ยืนยันโครงการมีขั้นตอนและระเบียบที่รัดกุม สามารถตรวจสอบได้
นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปีงบประมาณหน้ากระทรวงสาธารณสุขจะได้รับงบประมาณเพิ่มมากขึ้นร้อยละ 50 จากโครงการไทยเข้มแข็ง จำนวน 86,685.61 ล้านบาท ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขต้องทำงานหนักมากขึ้น โดยได้กระจายอำนาจให้ผู้บริหารสาธารณสุขจังหวัดและผู้บริหารโรงพยาบาล เป็นผู้มีสิทธิในการตัดสินใจในโครงการดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 60 จะเป็นงบการก่อสร้างอาคาร สำหรับการสั่งซื้อเครื่องมือและครุภัณฑ์ทางการแพทย์นั้น ยืนยันไม่มีการล็อคสเปค โรงพยาบาลสามารถสั่งซื้อได้ตามความจำเป็นและความต้องการของพื้นที่ที่จะใช้ให้บริการประชาชน
ขณะนี้การตรวจสอบค่อนข้างรุนแรงขึ้น เป็นโอกาสดีที่สื่อนำเสนอสิ่งดังกล่าว จะทำให้กระทรวงสาธารณสุข เพิ่มการทำงานให้โปร่งใส มีระบบการตรวจสอบที่ชัดเจน ซึ่งโครงการนี้มีคณะกรรมการโครงการที่ทำงานตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอนที่รัดกุม สามารถตรวจสอบได้ และยังได้แต่งตั้งคณะทำงานชุดพิเศษ เพื่อติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับโครงการนี้จากทุกด้านอีกด้วย นายวิทยากล่าว
ทางด้านนายแพทย์คำรณ ไชยศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการไทยเข้มแข็ง 2555 กล่าวว่า ในการบริหารโครงการให้บรรลุผลภายใน พ.ศ. 2555 กระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งวอร์รูมระดับกระทรวงและในระดับจังหวัด โดยที่จังหวัดให้ตั้ง 2 จุดคือ ที่โรงพยาบาลศูนย์หรือโรงพยาบาลทั่วไป และที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบหลักคือ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลและนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และให้มีผู้ประสานงานอีกอย่างน้อย 2 คน เพื่อประสานงานกับส่วนกลาง โดยส่วนกลางจะเป็นพี่เลี้ยงในการจัดซื้อจัดจ้าง จัดผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดซื้อจัดจ้าง ด้านกฎหมาย การก่อสร้าง ประจำที่วอร์รูมเพื่อให้คำปรึกษาจังหวัด และมีผู้รับผิดชอบติดตามระดับภาค 4 ภาคอีกชั้นหนึ่ง ให้จังหวัดรายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์
สำหรับในส่วนของการพัฒนาสถานีอนามัย 2,151 แห่งให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ในปี งบประมาณ 2553 ซึ่งได้รับงบแห่งละ 1.35 ล้านบาท ประกอบด้วยงบส่วนก่อสร้าง 500,000 บาท และงบจัดซื้อครุภัณฑ์การแพทย์อีก 855,000 บาท โดยจากการประชุมตัวแทนผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน สาธารณสุขอำเภอ และสถานีอนามัย เพื่อกำหนดความต้องการของพื้นที่ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ข้อสรุปให้สถานีอนามัยจัดซื้อเครื่องมือตามความต้องการและความจำเป็นในการใช้ ใน 46 รายการ เช่น ชุดยูนิตทำฟัน เครื่องตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบอัตโนมัติ เครื่องฟังเสียงหัวใจเด็กในครรภ์ เตียงนวดไทย เครื่องอัลตราซาวด์ ชุดเครื่องเสียงสนาม เป็นต้น จากเดิมมีเพียง 20 รายการ ซึ่งบางแห่งไม่ต้องการใช้
ทั้งนี้ ราคาครุภัณฑ์การแพทย์แต่ละรายการเป็นราคางบประมาณ ไม่ใช่ราคากลางแต่อย่างใด การซื้อเครื่องมือดังกล่าวต้องอยู่ภายใต้วงเงิน 855,000 บาท หากเหลือต้องส่งคืน โดยได้จัดระบบการตรวจสอบควบคุมความโปร่งใส ให้แต่ละจังหวัดตั้งคณะกรรมการกำหนดคุณลักษณะของครุภัณฑ์การแพทย์ ตั้งราคากลาง โดยต้องมีบริษัทผู้ผลิตอย่างน้อย 2-3 บริษัท ตามหลักเกณฑ์ของระเบียบพัสดุ พ.ศ. 2535 เครื่องมือแต่ละชิ้นจะต้องได้ใช้งานจริง เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างเต็มที่ กั
****************** 27 กันยายน 2552
View 8
27/09/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ