รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการทำงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี ย้ำนโยบายให้เจ้าหน้าที่จับมืออสม.ทำงานสร้างสุขภาพ มุ่งหวังลงจำนวนคนป่วยเข้าโรงพยาบาล คนที่ป่วยแล้วได้รับบริการเร็วขึ้น คาดในอนาคต ไทยจะมีหมอมาประจำการที่หมู่บ้าน ด้านรักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข ย้ำเจ้าหน้าที่ให้ประเมินผลการทำงาน 1 ปี ว่าคนป่วยลดหรือเพิ่ม วันนี้(6 ตุลาคม 2552)ที่จังหวัดกาญจนบุรี นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะ ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และรับฟัง ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน โครงการไทยเข้มแข็ง 2555 ที่สถานีอนามัยบ้านหนองกระทุ่ม ตำบลหนองกุ่ม อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี นายวิทยา กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายด้านการปรับปรุงระบบบริการสุขภาพของภาครัฐทุกระดับให้ได้มาตรฐาน โดยใช้งบลงทุนจากโครงการไทยเข้มแข็ง ระหว่างพ.ศ.2553-2555 ซึ่งตามโครงการนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้รับงบกว่า 86,000 ล้านบาท โดยจะสร้างโรงพยาบาลชุมชนในอำเภอที่ยังไม่มีโรงพยาบาลอีก 70 แห่ง ยกระดับสถานีอนามัยที่มีกว่า 9,700 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล เชื่อมโยงการทำงานกับโรงพยาบาลชุมชน ใช้งบพัฒนาแห่งละ 1.3 ล้านบาท ทั้งเรื่องการเพิ่มเครื่องมือแพทย์จำเป็น การปรับอาคารสถานที่ให้สะดวกสบาย โดยบทบาทสำคัญของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล จะเป็นกองทัพหน้าร่วมกับอสม.อีกกว่า 9 แสนคน ทำหน้าที่บริการเชิงรุก ป้องกันคนไม่ให้ป่วย และให้การดูแลรักษาพยาบาลประชาชนที่ป่วย ใกล้บ้านที่สุด และทุกอำเภอ ทุกตำบลมีโรงพยาบาลครอบคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อคนป่วยไปโรงพยาบาลก็ไม่ต้องเสียเวลารอหมอนานอีกต่อไป ในปี 2552-2553 มีเป้าหมายพัฒนาโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 2,000 แห่ง กระจายทุกอำเภอทั่วประเทศ ที่ จ.กาญจนบุรีมี่เป้าหมาย 20 แห่ง ที่ อ.บ่อพลอยมี 2 แห่ง คือที่ตำบลหนองกุ่มและหนองกระทุ่ม โดยในขั้นต้นนี้กระทรวงสาธารณสุขจะจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นและติดตั้งระบบอินเตอร์เน็ต เพื่อให้พยาบาลที่ประจำสถานีอนามัยและผู้ป่วย ได้ปรึกษาอาการป่วย กับแพทย์ที่โรงพยาบาลแม่ข่ายโดยตรง และสามารถส่งต่อผู้ป่วยได้ตลอดเวลา และในขั้นต่อไปก็จะส่งแพทย์ตรวจรักษาประชาชนที่ป่วยที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลอาทิตย์ละ 2-3 วัน และก้าวย่างต่อไปหากมีกำลังแพทย์เพียงพอ ก็จะมีแพทย์ประจำการที่โรงพยาบาลเหล่านี้ได้ ซึ่งตามโครงการไทยเข็มแข็งก็มีเป้าหมายผลิตแพทย์เพิ่มอีก 1,700 คน และบุคลากรอื่นๆเพิ่มอีกจำนวนมาก นายวิทยากล่าวว่า จากการรับฟังการดำเนินงานของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหนองกุ่ม พบว่าสามารถแปลงนโยบายของรัฐบาลสู่การปฏิบัติต่อประชาชนในพื้นที่ได้จริง มีการออกค้นหาปัญหาสุขภาพของประชาชนในหมู่บ้าน เพื่อแยกการดูแลรักษา และมีมาตรการการสร้างสุขภาพเพื่อไม่ให้ป่วยได้ ได้มอบนโยบายให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ สำรวจความต้องการของสถานีอนามัยว่าต้องการครุภัณฑ์อะไร หรือต้องการนอกเหนือจาก 46 รายการที่ได้วางกรอบไว้เดิม และไม่มีการล็อคสเปคจากส่วนกลาง และขอให้พื้นที่จัดซื้อตามความจำเป็นต่อแผนงานพัฒนาศักยภาพของสถานีอนามัยโดยแท้งจริง ทางด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้ได้ประชุมคณะทำงาน 2 ชุด เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ได้ กำหนดให้แล้วเสร็จภายใน 1 อาทิตย์ ให้ดูทั้งราคาและรายการที่จัดของบประมาณ สำหรับสิ่งก่อสร้าง ให้ดูที่ราคากลางและราคาที่ท้องถิ่นจัดซื้อได้ตามจริง และได้มอบหมายให้สถานีอนามัยทุกแห่งทำการสำรวจความพึงพอใจประชาชน และขอให้ติดตามปัญหาของประชาชนภายใน 1 ปี ว่ากลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการป่วยโรคเรื้อรังเช่นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ว่าอาการหายจำนวนเท่าใด ลดหรือเพิ่มอย่างไร และให้บริการผู้ป่วยปีละเท่าใด เพื่อประเมินผลสำเร็จของการทำงานการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค จะให้มีการประกวดการทำงานระหว่างโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ผู้ปฏิบัติงาน ***************************** 6 ตุลาคม 2552


   
   


View 8    06/10/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ