กระทรวงสาธารณสุข ลงทุนพัฒนาโรงพยาบาลชุมชน 235 แห่ง ในโครงการไทยเข้มแข็ง กว่า 13,000 ล้านบาท ให้มีขีดความสามารถรักษาผู้ป่วยสูงขึ้น และก่อสร้างโรงพยาบาลชุมชนใหม่เพิ่มอีก 54 แห่งในพื้นที่ขาดแคลน เชื่อมั่นในอนาคต ประชาชนในชนบทได้รักษาใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางเข้าตัวจังหวัด วันนี้ (7 ตุลาคม 2552) ที่โรงแรมมิราเคิล กรุงเทพมหานคร นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมผู้บริหารระดับสูงจากส่วนกลาง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนทั่วประเทศ ผู้แทนจากสำนักบริหารสาธารณสุขภูมิภาค และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 750 คน เพื่อชี้แจงและมอบนโยบายแนวทางการดำเนินงานพัฒนามาตรฐานโรงพยาบาลชุมชน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2553-2555 ซึ่งได้รับงบประมาณดำเนินการทั้งหมด 86,685 ล้านบาท ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุขในการพัฒนาขีดความสามารถของสถานพยาบาลทุกระดับ นายวิทยากล่าวว่า ปัจจุบันระบบโครงสร้างของกระทรวงสาธารณสุขไทย นับว่ามีความครอบคลุมเกือบทุกพื้นที่ โดยมีโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป 94 แห่ง โรงพยาบาลชุมชน 736 แห่ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้กระจายแพทย์ไปประจำที่โรงพยาบาลชุมชนเพื่อตรวจรักษาโรคทั่วไป มาตั้งแต่พ.ศ. 2518 ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ในการพัฒนาขั้นต่อไป กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมาย พัฒนาโรงพยาบาลชุมชน ในโครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ. 2553-2555 รวมจำนวน 235 แห่ง ซึ่งบางแห่งมีแพทย์เฉพาะทางประจำอยู่แล้ว เช่น ศัลยกรรม อายุรกรรม สูติกรรม เพื่อให้มีขีดความสามารถในการให้บริการมากขึ้น และก่อสร้างโรงพยาบาลชุมชนเพิ่มในอำเภอที่ยังไม่มีโรงพยาบาลอีก 54 แห่ง ใช้งบประมาณทั้งหมด 13,499 ล้านบาท โดยเป็นงบก่อสร้างอาคารผู้ป่วย 11,908 ล้านบาท ครุภัณฑ์การแพทย์ 1,591 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประชาชนรักษาใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปรักษาที่ในตัวจังหวัด สำหรับในปี 2553 นี้มีเป้าหมายดำเนินการจำนวน 126 แห่ง กระจายทุกภาค โดยโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่ง จะดำเนินการทั้งหมด เช่นที่อ.สว่างแดนดิน สกลนคร อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่ เช่นที่ปากช่องนานา นครราชสีมา และก่อสร้างโรงพยาบาลชุมชนในพื้นที่ห่างไกลและยังไม่มีโรงพยาบาลอีก 52 แห่ง รวมทั้งหมด 178 แห่ง ใช้งบลงทุน 3,919 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 3,328 ล้านบาท และค่าครุภัณฑ์การแพทย์ 591 ล้านบาท เช่นเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เครื่องตรวจการทำงานของหัวใจ นายวิทยากล่าวต่ออีกว่า ในการจัดซื้อจัดจ้างทุกรายการ ได้มอบให้แต่ละจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ ตั้งแต่การกำหนดสเปค กำหนดราคากลางที่เหมาะสม และเพื่อให้เกิดความโปร่งใสทุกรายการ ได้ตั้งกรรมการบริหารซึ่งต้องมีตัวแทนจากหน่วยงานทุกฝ่าย โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่จะต้องจัดซื้อจัดจ้าง เข้ามาร่วมดำเนินงานทุกขั้นตอน และขอได้อย่าหลงเชื่อหากมีผู้แอบอ้างว่าเป็นบุคคลใกล้ชิดหรือเป็นคำสั่งจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้แจ้งให้ทราบและจะทำการสอบสวนดำเนินการโดยเด็ดขาด ********************* 7 ตุลาคม 2552


   
   


View 9    07/10/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ