รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันไม่มีใครมาล้มหรือยกเลิกโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุขได้ เรียกร้องชาวสาธารณสุขช่วยกันทำให้โปร่งใส ด้านปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบาย 8 ข้อ โดยเน้นการสร้างขวัญกำลังใจบุคลากรทุกสาขาวิชาชีพ และให้ความเป็นธรรมการแต่งตั้งโยกย้าย วันนี้ (11 ตุลาคม 2552) ที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายวิทยา แก้ว ภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชน สาธารณสุขอำเภอ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขประจำโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลที่อยู่ใน 14 จังหวัดภาคใต้ รวมประมาณ 500 คน เพื่อชี้แจงแนวทางดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาสาธารณสุขภายใต้โครงการไทยเข้มแข็ง พ.ศ.2553-2555 โดยมีงบประมาณกว่า 86,000 ล้านบาท ในการพัฒนาระบบบริการสาธารณสุขทุกระดับ ทั้งการก่อสร้าง พัฒนาอาคารสถานที่จัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เครื่องมือแพทย์ นายวิทยา ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้รับงบประมาณ และเกิดการวิพากษ์วิจารณ์โครงการไทยเข้มแข็ง โดยข้อร้องเรียนกรณีการจัดซื้อบางอย่างไม่โปร่งใส เกรงว่าจะเกิดการทุจริตคอรัปชั่น ขณะนี้ยังไม่ได้ดำเนินการก่อหนี้ผูกพันแต่อย่างใด จึงจำเป็นที่กระทรวงสาธารณสุขต้องพิสูจน์ สะสางก่อนการก่อหนี้ หากมีการทุจริตจริงก็จะถูกดำเนินการทั้งทางกฎหมายและสังคม กระบวนการตรวจสอบได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุขตั้งกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ให้มีการประชุมทุกวัน และได้เรียกร้องให้ชาวสาธารณสุขทำให้กระทรวงสาธารณสุขโปร่งใส ยืนยันไม่มีใครมาล้มหรือยกเลิกโครงการไทยเข้มแข็งได้โดยเด็ดขาด แต่จะทำให้โครงการโปร่งใส เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน ทางด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบนโยบายในการทำงาน 8 ประการว่า 1. จะให้ความสำคัญกับโครงการพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติ 2.สนองนโยบายรัฐบาลเพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวทางภาคใต้ จะพิจารณาตั้งกลุ่มทำงานด้านนี้เพื่อสนับสนุนการทำงานใน 5 จังหวัดภาคใต้ 3. ส่งเสริมสนับสนุนบรรยากาศการทำงานที่มีความสุข ไว้วางใจ และความสามัคคี เนื่องจากกระทรวงสาธารณสุข มีบุคลากรมากที่สุดและมีสาขาวิชาชีพที่หลากหลาย 4. สร้างขวัญกำลังใจ ให้ครอบคลุมทุกระดับทุกสาขาวิชาชีพ รวมทั้งการแต่งตั้งโยกย้ายต้องให้ความเป็นธรรมทุกภาค 5.บริหารงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาล เน้นผลการทำงานเป็นหลัก ทั้งความก้าวหน้า ความดีความชอบ เพื่อให้สาธารณสุขมีศักดิ์ศรี เกียรติภูมิ 6. บริหารการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ เพื่อพัฒนาระบบงานให้สอดคล้องกับสภาพปัญหา 7. เชื่อมโยงการทำงานกับนานาชาติ และสร้างคุณค่าของสาธารณสุขไทยในเวทีโลกและ 8. ผนึกกำลังกันทำงานระหว่างกรมวิชาการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงสาธารณสุข โดยเชื่อม 6หน่วยงานองค์กรมหาชน ได้แก่ องค์การเภสัชกรรม สปสช. สช. สวรส สพฉ. สรพ. สสส. เข้าเป็นองคาพยพเดียวกันกับกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้เป้าหมายและจุดมุ่งหมายเดียวกัน ******************************************* 11 ตุลาคม 2552


   
   


View 8    11/10/2552   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ