กระทรวงสาธารณสุข เตรียมขยายงานสร้างเสริมสุขภาพลงสู่พื้นที่ 8,005 ตำบลในปี 2553 ผ่านกองทุนสุขภาพตำบลของสปสช. กับองค์กรปกครองท้องถิ่น หลังผลการศึกษาพบว่าได้ผลดี ชุมชนพอใจที่สามารถริเริ่มกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพตามที่ชุมชนต้องการ มั่นใจจะลดปัญหาการเจ็บป่วยของประชาชนได้อย่างดี
นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ (22 ตุลาคม 2552) กระทรวงสาธารณสุขได้จัดประชุมผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงฯ ประจำเดือนตุลาคม 2552 ที่โรงพยาบาลหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นการจัดประชุมนอกสถานที่ครั้งแรกในรอบปี โดยมีนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรม ผู้ตรวจราชการ สาธารณสุขนิเทศก์ เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาระบบบริการจัดการของกระทรวงสาธารณสุขในปีงบประมาณ 2553
นายแพทย์สุพรรณกล่าวว่า การประชุมนอกสถานที่ครั้งนี้ นอกจากจะประชุมภาคปกติแล้ว ผู้บริหารยังได้ติดตามความพร้อมเตรียมการรองรับการประชุมผู้นำอาเซียนในด้านการแพทย์และสาธารณสุข ซึ่งประชุมที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 23-25 ตุลาคม 2552 ด้วย ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลหัวหินได้เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องมือแพทย์ไว้ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว
สำหรับการประชุมในวันนี้ ที่ประชุมได้มีการนำเสนอแนวทางการพัฒนากองทุนหลักประกันสุขภาพตำบลและเทศบาล ซึ่งใช้เป็นกลไกสนับสนุนการดำเนินงานสร้างสุขภาพและแก้ไขปัญหาสาธารณสุขในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล โดยการมีส่วนร่วมของ 3 ฝ่าย คือประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสาธารณสุข ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สนับสนุนงบประมาณในอัตรา 37.50 บาทต่อหัว และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคืออบต./เทศบาล สมทบอีก 10-50 เปอร์เซ็นต์ เริ่มดำเนินงานตั้งแต่พ.ศ. 2549 จำนวน 883 แห่ง ในปี 2552 ดำเนินการ 3,943 แห่ง ครอบคลุมประชากร 28.6 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1,263 ล้านบาท และในปี 2553 มีแผนขยายดำเนินการในอีก 8,005 แห่ง โดยสปสช. สนับสนุนงบเพิ่มให้เป็น 40 บาทต่อหัวประชากร
นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่อว่า จากการติดตามประเมินผลพบว่า กองทุนนี้มีข้อดี ทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ความสนใจงานสาธารณสุขมากขึ้น ชุมชนมีความพอใจที่รัฐให้การสนับสนุนงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาสุขภาพตามที่ชุมชนต้องการ และหน่วยบริการโดยเฉพาะสถานีอนามัยมีความพอใจ เพราะสามารถของบประมาณจากกองทุนดังกล่าวได้โดยตรง เพื่อทำ 3 กิจกรรมหลัก ได้แก่ การส่งเสริมสุขภาพ ฟื้นฟูสุขภาพ และป้องกันโรค โดยในปี 2552-2553 นี้ กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้สถานีอนามัย ร่วมกับอสม.ทั่วประเทศ ให้การดูแล 5 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มเด็ก/เยาวชน หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยเรื้อรังกลุ่มเสี่ยง
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติ เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนให้เกิดประโยชน์กับพื้นที่และประชาชนมากที่สุด โดยได้ตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างสปสช. และกระทรวงสาธารณสุข โดยได้มอบหมายให้นายแพทย์เสรี หงษ์หยก รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน เพื่อให้เกิดการบูรณาการงานกับองค์ปกครองส่วนท้องถิ่นและแผนยุทธศาสตร์การสร้างสุขภาพของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรมทิศทางเดียวกัน จะทำให้สามารถลดการเจ็บป่วยของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
********************** 22 ตุลาคม 2552
View 11
22/10/2552
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ