กรม สบส. ร่วม ตำรวจ ปคบ. บุกรวบหมอนวดเถื่อน ในร้านเสริมสวยย่านห้วยขวาง
- กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
- 14 View
- อ่านต่อ
กรมการแพทย์ โดยสถาบันประสาทวิทยา เผย เมื่อสมองส่วนกลาง ที่รับผิดชอบเรื่องภาษา ได้รับความเสียหายจากสาเหตุใดก็ตาม จะทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติด้านภาษา ทักษะในการสื่อสาร พูดไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง เรียกชื่อสิ่งของไม่ถูก ตอบโต้หรือทำความเข้าใจได้ช้าลงแนะควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า อะเฟเซียเป็นกลุ่มอาการทางระบบประสาท ที่เกี่ยวข้องกับการสูญเสียความสามารถของสมองในการสื่อสารด้วยภาษา ผู้ป่วยที่มีอาการอะเฟเซียจะมีความบกพร่อง ในการใช้ภาษา โดยแบ่งกลุ่มอาการออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1.เป็นความผิดปกติด้านการสั่งการด้วยภาษา เช่น พูดไม่ออก สะกดคำผิด เขียนไม่ได้ เขียนไม่เป็นคำ เรียกชื่อสิ่งของไม่ถูก ถ้าผิดปกติเล็กน้อย อาจจะยังพอพูดออกเสียงได้เล็กน้อย กลุ่มที่ 2.ความผิดปกติด้านความเข้าใจภาษา เช่น ฟังไม่เข้าใจ อ่านไม่เข้าใจ แต่ผู้ป่วยจะยังสามารถพูดได้คล่อง แต่ไม่ตรงกับประเด็นสนทนา เพราะไม่เข้าใจเรื่องที่ผู้อื่นพูด และกลุ่มที่ 3.ผู้ป่วยบางรายมีความผิดปกติทั้งด้านการสั่งการด้วยภาษาและความเข้าใจภาษา ทำให้มีลักษณะเงียบ เฉยเมย ไม่พูด และไม่เข้าใจภาษา อย่างไรก็ตามหากพบอาการแสดงที่สงสัยว่าเกิดจากภาวะอะเฟเซีย ควรเข้ารับการตรวจรักษาโดยทันที เพื่อให้การวินิจฉัยที่ถูกต้องเหมาะสม เพราะบางสาเหตุ หากได้รับการรักษาตั้งแต่เริ่มแรก จะให้ผลการรักษาดีกว่า หรือหายเป็นปกติเลยเมื่อเทียบกับการปล่อยอาการไว้เป็นระยะเวลานาน
ว่าที่ร้อยตำรวจโทหญิง แพทย์หญิง นภา ศิริวิวัฒนากุล ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการอะเฟเซียเกิดจากโรคทางระบบประสาทได้หลายสาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง สมองอักเสบ เนื้องอกในระบบประสาท สมองเสื่อม เป็นต้น การวินิจฉัยกลุ่มอาการผู้ป่วยอะเฟเซีย ต้องเริ่มต้นจากการซักประวัติอย่างละเอียด เพื่อทราบลักษณะและระยะเวลาที่เกิดความผิดปกติ ควบคู่ไปกับการตรวจร่างกายเพื่อยืนยันและค้นหาความผิดปกติทางระบบประสาทอื่น ๆ เพื่อให้สาเหตุระบุสาเหตุของการเกิดโรคที่สงสัย และเป็นแนวทางในการเลือกส่งตรวจพิเศษ เพื่อยืนยันการวินิจฉัย อันจะนำไปสู่การเลือกให้การรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมต่อไป สำหรับวิธีการให้การรักษาจะขึ้นกับสาเหตุของโรคที่เป็นด้วย การรักษาที่รวดเร็วและทันท่วงที จะเพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยกลับมาดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ หรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด ส่วนแนวทางในการป้องกันการเกิดโรคนั้น การดูแลสุขภาพส่วนบุคคลให้สมบูรณ์แข็งแรง รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ออกกำลังกายดีเหมาะสม การนอนหลับที่ดี การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น การดูแลสุขภาพใจให้สมบูรณ์ดี หลีกเลี่ยงความเครียดหรืออารมณ์ที่หม่นหมอง และในผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะน้ำหนักเกิน เบาหวาน ความดันโหลิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือสูบบุหรี่ ควรติดตามการรักษา รับประทานยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยป้องกันตัวท่านเอง หรือคนที่ท่านรัก จากความผิดปกติที่จะเกิดขึ้นกับสมอง ทั้งภาวะอะเฟเซียหรือความผิดปกติจากโรคไม่ติดต่อทั้งหมดในระบบประสาทได้อีกด้วย
*************************************
กรมการแพทย์#สถาบันประสาทวิทยา#อะเฟเซีย (Aphasia) –ขอขอบคุณ 15 สิงหาคม 2567