นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังนางปวีณา หงสกุล ประธาน มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี นำ นางสาวจิราวรรณ วิชัยศร อายุ 36 ปี ผู้ร้องทุกข์กรณีประสาทตาข้างซ้ายได้รับความเสียหายใช้ได้เพียงร้อยละ 20 ซึ่งคาดสาเหตุมาจากยาหยอดตาที่ไปรักษากับคลินิกแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด ว่า ได้มอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสถานบริการ รวมทั้งคลินิกที่ถูกร้องเรียนครั้งนี้ เป็นผู้สอบข้อเท็จจริง ซึ่งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์ และด้านกฎหมาย เมื่อมีการสอบ จะเชิญผู้ร้องเรียน และผู้ถูกร้องเรียนมาชี้แจงให้ข้อเท็จจริงประกอบด้วย และผลเป็นอย่างไรให้รายงานให้ตนทราบโดยเร็ว ควรให้จบได้ภายใน 1 เดือน
ทั้งนี้ ได้ให้นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ ทำบันทึกรับถุงยาที่ผู้ร้องนำมา และให้ผู้ร้องเรียนเซ็นชื่อรับรอง เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการ สำหรับมาตรการเยียวยาเบื้องต้นนั้น ขณะนี้ผู้ร้องยังไม่ได้ร้องขอ แต่ต้องการพิสูจน์หาผู้กระทำผิด ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขยินดีพิสูจน์ให้ โดยมอบให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพไปดำเนินการตามหน้าที่รับผิดชอบ
ทางด้านนายแพทย์ธเรศ ผู้อำนวยการกองการประกอบโรคศิลปะ กล่าวถึงเรื่องของการจ่ายยาของสถานพยาบาลว่า จะมีมาตรฐานที่กำหนดไว้ว่ายาที่จ่ายจะต้องเขียนระบุอะไรบ้าง มีคำเตือนอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ยาที่ได้เป็นยาที่ได้จากคลินิกแห่งนี้จริงหรือไม่ ได้อย่างไร เพราะข้อกำหนดมีไว้ว่าห้ามคลินิกขายยาโดยไม่ได้ตรวจผู้ป่วย ก็จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงจากทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งจะมีการบันทึกไว้ในเวชระเบียนผู้ป่วย และจะดูข้อเท็จจริงเรื่องตัวยาหยอดตาที่คลินิกแห่งนี้ใช้ด้วย ว่าเป็นยาที่ผสมใช้เองหรือเป็นยาสำเร็จรูปแล้ว
นายแพทย์ธเรศกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ยาหยอดตาที่จักษุแพทย์ใช้จะมียากลุ่มหนึ่งที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์เพื่อใช้ในการรักษาโรคได้ เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของโรคหรือข้อบ่งชี้ในการรักษาของแพทย์ ต้องตรวจสอบว่าเป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพหรือไม่ เพราะในตำรับยาหยอดตาที่มีการขึ้นทะเบียน จะมียาปฏิชีวนะผสมกับยาสเตียรอยด์ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยหายเร็วขึ้นและดีขึ้น แต่ต้องตรวจสอบการใช้โดยละเอียดอีกครั้ง โดยจะเชิญผู้เชี่ยวชาญทางราชวิทยาลัยจักษุมาเป็นคณะอนุกรรมการและให้ข้อมูลเชิงวิชาการ มาตรฐานการรักษาด้วย เพื่อความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
*********************** 23 กุมภาพันธ์ 2553
View 11
23/02/2553
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ