รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งจัดตั้งสำนักงานประสานนโยบายวัคซีนและฟอร์มทีมงานเป็นการภายใน เพื่อผลักดันการวิจัยและพัฒนาการผลิตวัคซีนที่จำเป็นสำหรับประเทศรวมทั้งวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่คาดว่าจะเป็นปัญหาในอนาคต เพื่อประกันความปลอดภัยคนไทย และเพิ่มความสามารถพึ่งตนเองของประเทศ นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2550 ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า วัคซีนเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการควบคุมป้องกันโรคติดเชื้อต่างๆ ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทยทำงานเกี่ยวกับวัคซีนในลักษณะต่างคนต่างทำ ยังขาดการประสานงานกันอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ตั้งแต่การวิจัย การผลิต การควบคุมคุณภาพและการใช้วัคซีน ทำให้การดำเนินงานด้านวัคซีน ไม่สามารถบรรลุผลได้ อีกทั้งยังไม่มีหน่วยงานกลางที่มีความอิสระคล่องตัวและที่มีกฎหมายรองรับ เพื่อทำหน้าที่ประสานงานและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนอย่างครบวงจร ทำให้การพัฒนาวัคซีนของไทย เป็นไปด้วยความล่าช้า นายแพทย์มงคล กล่าวต่อไปว่า เพื่อให้เกิดการทำงานที่รวดเร็ว กระทรวงสาธารณสุขจะเร่งรัดการพัฒนา และผลิตวัคซีนที่จำเป็นสำหรับใช้ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นวัคซีนไข้สมองอักเสบ หรือวัคซีนอื่นๆ รวมทั้งไข้หวัดใหญ่ โดยจะปรับกลไกที่มีอยู่ 2 ส่วน คือ ส่วนแรกจะปรับปรุงคณะกรรมการยาของ อย. โดยเพิ่มคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวกับวัคซีนและชีววัตถุ และส่วนที่ 2 จะตั้งคณะทำงาน 1 ชุดเป็นการภายใน ซึ่งเป็นข้าราชการที่มีงานประจำ ให้ทำงานประสานงาน เร่งรัดการพัฒนาด้านวัคซีนโดยตรง พร้อมทั้งแสวงหาองค์ความรู้ใหม่ ๆ ทางเลือกของวัคซีนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เนื่องจากหากรอเสนอเป็นกฎหมายเพื่อจัดตั้งเป็นสถาบันวัคซีนแห่งชาติหรือเป็นองค์กรมหาชน จะทำให้การทำงานล่าช้า ทั้งนี้ได้มอบหมายให้นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้จัดหางบประมาณให้เพียงพอกับการทำงานในช่วง 2 ปี คือปี 2550 และ 2551 และในเวลา 1 เดือน จะประชุมคณะกรรมการเพื่อดูความคืบหน้า นายแพทย์มงคล กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าในการตั้งโรงงานผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีความจำเป็น เนื่องจากขณะนี้หากเกิดการระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากการกลายพันธุ์ของเชื้อไข้หวัดนก คงจะหาวัคซีนสำหรับฉีดป้องกันให้กับคนไทยไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องทำอย่างรีบด่วน โดยเฉพาะการจัดหางบลงทุน ซึ่งองค์การเภสัชกรรมจะเสนอคณะรัฐมนตรีขอยกเว้นรายได้ ร้อยละ 35 ที่จะนำส่งรัฐบาล เพื่อนำเงินมาลงทุนจัดตั้งโรงงานวัคซีนในประเทศไทย ร่วมกับงบลงทุนขององค์การเภสัชกรรมเอง ทางด้านนายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงสำหรับสถานการณ์ของโรคไข้หวัดนกในคนว่า โรงพยาบาลทุกระดับกำลังตรวจคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการอยู่ในข่ายเฝ้าระวังผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1-23 มกราคม 2550 ได้ตรวจไปแล้ว 145 ราย จาก 36 จังหวัด เฉพาะวันที่ 23 มกราคม 2550 มีรายงานทั้งหมด 19 ราย จาก 15 จังหวัด ได้แก่ อ่างทอง 3 ราย สุพรรณฺบุรี 2 ราย พิจิตร 2 ราย ส่วนอีก 12 ราย พบในจังหวัดลพบุรี ราชบุรี ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ชัยนาท ปราจีนบุรี สุโขทัย หนองคาย ขอนแก่น ศรีสะเกษ ชุมพร และอุตรดิตถ์ แห่งละ 1 ราย แต่ในขณะนี้ยังไม่พบรายใดติดเชื้อไข้หวัดนก และมีผู้ป่วยรอผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการอีก 23 ราย มกราคม6/7********* 24 มกราคม 2550


   
   


View 11    24/01/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ