วันนี้ (15 มีนาคม 2553) ที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีทหารได้รับบาดเจ็บว่า ได้รับรายงานจากผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าฯ ว่ามีทหาร 2 นายได้รับบาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่รพ.พระมงกุฎเกล้าฯขณะนี้ทั้งคู่อาการปลอดภัย อยู่ในขั้นตอนการเอ็กซเรย์ แต่รายละเอียดขอให้ทางรพ.พระมงกุฎเกล้าฯ เป็นผู้แถลง นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข ได้ยกระดับการเตรียมความพร้อมเป็นระดับ 3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ฉะนั้นในส่วนกระทรวงจะต้องเตรียมการรับมือหากเกิดมีผู้บาดเจ็บ ขณะนี้ได้ประสานงานไปทั่วประเทศแล้ว ซึ่งทุกโรงพยาบาลได้รับทราบแล้วทั้งโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร รวมทั้งองค์กรเอกชน มูลนิธิต่างๆและองค์กรอื่นๆ นายจุรินทร์ กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่มีการชุมนุมมีรายงานที่ชัดเจนเพียง 2 รายนี้เท่านั้น ส่วนผู้ชุมนุมที่เป็นลมก็มีจำนวนมาก ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขได้เตือนไปก่อนหน้านี้แล้ว ขอความกรุณาให้หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดนานๆ เพราะจะทำให้ร่างกายเสียน้ำ เสียเหงื่อ อาจเป็นลม ช็อก เสียสติ หรือเป็นลมสิ้นสติ นายจุรินทร์กล่าวถึงกรณีที่จะมีการเจาะเลือดมารวมกันเพื่อนำมาเทตามสถานที่ราชการว่า ตนเองไม่มีความเห็นทางการเมือง แต่ในทางการแพทย์ได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญแล้ว ผู้เชี่ยวชาญมีความกังวล และฝากเตือนเรื่องการใช้เข็มที่จะเจาะเลือดให้ระวังการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อเอดส์และไวรัสตับอักเสบบีและซี ซึ่งทั้ง 2 ชนิดนี้สามารถติดได้ง่ายมาก หากได้รับเชื้อชนิดนี้แล้ว โอกาสรักษาให้หายขาดเป็นไปได้ยากมาก เรื่องนี้ถือเป็นการเตือนทางการแพทย์ ไม่ได้เป็นคำเตือนทางการเมือง นอกจากนี้บุคลากรที่จะดำเนินการจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนี้ และอุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ จะต้องเป็นอุปกรณ์ที่มั่นใจได้ในทางการแพทย์จริงๆ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ส่วนการที่ผู้ชุมนุมจะนำเลือดไปเทบนถนน จะเกิดการติดเชื้ออื่นๆ ได้ง่ายหรือไม่นั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า “ผมคิดว่าเป็นนัยทางการเมือง เป็นตัวบ่งชี้ที่สามารถจะอนุมานได้ว่าสถานการณ์เริ่มรุนแรงขึ้น ทุกฝ่ายต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง ผลการสำรวจประชาชนส่วนใหญ่ ทุกฝ่ายยังเป็นห่วงในเรื่องของความรุนแรง จึงขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมาย ด้านนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าในการเจาะเลือด โดยปกติควรจะทำในห้องที่สะอาด แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์จำเป็น การเจาะในภาคสนามสามารถทำได้ แต่ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะโรคไวรัสตับอักเสบ โรคเอดส์ ติดต่อทางเลือดโดยตรง และติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ถ้านำเลือดมาเทถูกอากาศ เชื้อโรคจะตายภายในประมาณ 1 วัน แต่หากไปเหยียบ หรือแตะ หากมีบาดแผลก็อาจติดเชื้อได้ “การรับบริจาคโลหิตนั้น ตอนนำไปใช้ต้องมีข้อบ่งชี้ที่เป็นประโยชน์ทางการแพทย์ ถ้านำไปใช้โดยวัตถุประสงค์อื่น คิดว่าไม่น่าเป็นเรื่องที่ถูกต้อง การบริจาคโลหิตโดยปกติต้องมีการเตรียมตัว เช่นพักผ่อนให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพตัวเอง และจะมีการตรวจเช็คก่อนบริจาคโลหิต หากสุขภาพไม่สมบูรณ์ ทางศูนย์บริการโลหิตก็จะไม่เจาะเลือด สำหรับกลุ่มผู้ชุมนุมที่จะไปเจาะโลหิต ซึ่งมีอาการเพลียแดด และร่างกายสูญเสียเหงื่อ เสียน้ำออกจ่ากร่างกายอยู่แล้ว และถ้าไปเจาะเลือดออกอีก ยิ่งจะทำให้ร้างกายสูญเสียน้ำและเลือดเพิ่มอีก ทำให้เกิดอันตราย ถึงขั้นช็อคได้” ปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าว ********************15 มีนาคม 2553


   
   


View 11    15/03/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ