ดูแลสุขภาพคนไทยรอพิสูจน์สัญชาติ 4.7 แสนคน   เริ่มเมษายน 2553 ถึง 30 กันยายน 2553  

          นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ (23 มีนาคม 2553) ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้เห็นชอบคืนสิทธิด้านรักษาพยาบาลให้กลุ่มคนที่อยู่ตามแนวชายแดนที่มีจำนวนทั้งสิ้น 475,409 คน ซึ่งเคยได้รับสิทธิในการรักษาพยาบาลฟรี และได้บัตรทองมาแล้วในอดีต แต่ต่อมาเมื่อมีพระราชบัญญัติประกันสุขภาพแห่งชาติเกิดขึ้นก็ถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากเนื้อหาในพ.ร.บ.ดังกล่าว จัดงบประมาณให้เฉพาะผู้ที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น ดังนั้นกลุ่มคนเหล่านี้จึงถูกตัดสิทธิ์ทิ้งไป แม้จะอาศัยอยู่ในประเทศไทยและเคยได้รับสิทธิแล้ว
          ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีมีมติตามที่กระทรวงสาธารณสุขเสนอ โดยอนุมัติเงินงบกลางจำนวน 472 ล้านบาท ให้กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เพื่อจัดสรรให้โรงพยาบาลตามแนวบริเวณชายแดน 172 แห่งใน 15 จังหวัด เพื่อนำไปใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาลให้คนกลุ่มดังกล่าว โดยถือหลักการจัดสรรให้โรงพยาบาลแต่ละแห่งตามจำนวนประชากรเป็นรายหัว รายละ 2,067 บาท ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึงวันที่ 30 กันยายน 2553 หรือครึ่งปีงบประมาณ
                                        
          นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ผลดีที่จะเกิดขึ้นคือ จะช่วยแก้ไขปัญหาภาวะการเงินของโรงพยาบาล 172 แห่ง เนื่องจากที่ผ่านมาโรงพยาบาลตามแนวชายแดนเหล่านี้ ได้รับการจัดสรรงบประมาณตามรายหัวประชากรที่เป็นคนสัญชาติไทย แต่ในความเป็นจริงต้องนำเงินที่รักษาคนไทยไปใช้รักษาคนกลุ่มนี้ด้วย ต้องเจียดเงินงบประมาณของคนไทยไปใช้ ทำให้โรงพยาบาลประสบปัญหาด้านการเงิน แต่ต่อไปนี้จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
                                        
ขณะเดียวกัน จะช่วยให้การควบคุมโรคบริเวณแนวชายแดนที่เกิดจากคนกลุ่มนี้และนำมาแพร่ให้คนไทย ลดน้อยลงด้วย เนื่องจากได้รับการรักษาพยาบาลครบถ้วน โดยเฉพาะโรคมาลาเรีย เท้าช้าง ไข้เลือดออก รวมทั้งโรคเอดส์ ที่สำคัญน่าเป็นห่วงคือ วัณโรคดื้อยา ซึ่งขณะนี้บริเวณแนวชายแดนเป็นปัญหามาก และกำลังระบาดสู่คนไทย ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อคนที่มีสัญชาติไทยโดยตรง และช่วยสร้างภาพลักษณ์ด้านมนุษยธรรมของประเทศไทยด้วย เรื่องนี้ได้มีความพยายามดำเนินการมานานนับ 10 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ครั้งนี้สำเร็จตามที่เตรียมการไว้ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแล้ว
                                                                          

 

          “การที่จัดสรรงบกลางให้สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขโดยตรงครั้งนี้ เป็นการตัดปัญหาด้านข้อกฎหมายหากใช้เงินกองทุนของสปสช. ในปีหน้าจะได้เสนอของบกลางเพื่อใช้ในการดูแลคนกลุ่มนี้ต่อไป จนกว่าการพิสูจน์สัญชาติจะเรียบร้อย หากคนกลุ่มนี้ได้รับสัญชาติไทยก็จะได้รับเงินงบประมาณจากสปสช.” นายจุรินทร์กล่าว
 *********************************** 23 มีนาคม 2553


   
   


View 12    23/03/2553   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ