ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เตือนภัยประชาชน ห้ามนำเมทธานอล หรือแอลกอฮอล์ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมมาดื่มแทนเหล้าหรือใส่ผสมเหล้าอย่างเด็ดขาด มีอันตรายทำให้เสียชีวิตหรือทำให้ตาบอดถาวรได้ ตั้งแต่ปี 2549-2552 มีรายงานคนไทยเสียชีวิตแล้ว 28 ราย นอนโรงพยาบาล 128 ราย ขณะที่อินเดียตายในปี 2552 กว่า 130 ราย ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแอลกอฮอล์ดื่มได้เหมือนเหล้า ชี้ลักษณะเฉพาะหลังได้รับพิษจากเมทธานอล คือ ตาจะพร่ามัว แพ้แสง อาการจะสำแดงหลังดื่มประมาณ 1ชั่วโมง-3 วัน นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งแก้ไขปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และรณรงค์ให้ประชาชนลดหรืองดการดื่มชนิดนี้ เพื่อลดสิ่งที่ทำลายสุขภาพ ขณะนี้คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ดื่มสุราประมาณ 15 ล้านคน ที่น่าเป็นห่วงมากก็คือ ยังมีคนไทยที่ชอบดื่มสุราบางกลุ่ม ได้นำแอลกอฮอล์ที่มีชื่อว่าเมทธานอล(Methanol)หรือเมทธิลแอลกอฮอล์ (Methyl alcohol ) ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม นำมาดื่มโดยตรงหรือผสมกับเครื่องดื่มอื่น เพราะคิดว่าดื่มได้เหมือนสุราทั่วไปที่มีส่วนผสมของเอทธานอลแอลกอฮอล์ หรือเอทธิลแอลกอฮอล์ จึงทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต อาจจะโดยรู้เท่าใม่ถึงการณ์หรือจากความตั้งใจนำมาดื่ม นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวว่า สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคได้รายงานในปี 2549 -2553 มีคนไทยได้รับพิษจากการดื่มเมทธานอล รวมทั้งหมด 156 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิต 28 ราย ที่เหลืออีก 128 รายนอนโรงพยาบาล โดยเหตุการณ์ที่พบครั้งใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2552 ลูกเรือประมงไทยดื่มสุราที่ปนเปื้อนเมทธานอล ขณะนำเรือเทียบท่าที่เกาะปาปวน ประเทศอินโดนีเซีย ทำให้เสียชีวิต 15 ราย ป่วย 90 กว่าราย และในปลายปีเดียวกัน พบนักโทษชายเรือนจนจำธัญญบุรี จ.ปทุมธานี นำเมทธานอลที่ใช้ทำเฟอร์นิเจอร์ มาผสมกับน้ำอัดลมดื่มแทนสุรา ทำให้เสียชีวิต 4 ราย ป่วย 30 ราย โดยมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาเจียน ชัก ไม่รู้สึกตัว ส่วนในต่างประเทศ มีรายงานผู้ได้รับพิษจากเมทธานอลที่ประเทศนิวกินี จำนวน 4 ราย ตาบอด 6 ราย เมื่อพ.ศ. 2520 และช่วงกลางปี 2552 พบชาวอินเดียเสียชีวิต 136 ราย เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล 227 ราย จากการดื่มสุราในงานเลี้ยง ซึ่งคาดว่ามีสาเหตุจากการดื่มสุราที่ต้มเองในชุมชนและอาจมีสารเมทธานอลเจือปน จึงขอย้ำเตือนว่า เมทธานอล เป็นภัยอันตรายที่อยู่ใกล้ตัวของนักดื่มสุราเป็นประจำ ทางด้านนายแพทย์ภาสกร อัครเสวี ผู้อำนวยการสำนักระบาดวิทยา กล่าวว่า โดยทั่วไปเมทธานอลเป็นสารแอลกอฮอล์ที่สกัดจากไม้ มีลักษณะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี มีกลิ่นเฉพาะตัว ระเหยได้ ติดไฟได้ นำมาใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม เช่น ใช้ลอกสี สารทำละลายในน้ำหมึก น้ำยาเช็ดกระจก กาว เรซิน ทำเป็นแอลกอฮอล์แข็งที่ใช้อุ่นอาหาร หรือใช้ในอุตสาหกรรมผลิตพลาสติกย้อมผ้า แอลกอฮอล์ชนิดนี้กินไม่ได้และมีราคาถูก โดยเมทธานอลนี้ สามารถพบได้ในสุรากลั่นพื้นบ้านหรือเหล้าต้ม ซึ่งชาวบ้านมักเรียกว่าเหล้าป่า และในสุราปลอม ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เคยตรวจปริมาณสารระเหยในสุรากลั่นในประเทศไทย เมื่อพ.ศ.2547 ตรวจ 28 ตัวอย่าง พบ 16 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 57 มีเมทธานอลปนเปื้อนในปริมาณ 9.2-291.8 มิลลิกรัมต่อลิตร ส่วนใหญ่เป็นสุราปลอมและสุรากลั่นพื้นบ้าน นายแพทย์ภาสกรกล่าวต่อว่า กลุ่มที่เสี่ยงต่อการได้รับพิษจากเมทธานอลมี 2 กลุ่ม คือ ผู้ที่ชอบดื่มสุราอยู่แล้ว และผู้ที่ทำงานที่เกี่ยวข้องกับการใช้เมทธานอล เช่น พนักงานเช็ดล้างกระจก ช่างทาสี ช่างลอกสี เป็นต้น ซึ่งอาจต้องสัมผัสหรือสูดดมเรื่อยๆ ระหว่างการทำงาน การเกิดพิษมีทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง การได้รับพิษที่รุนแรง ส่วนใหญ่เกิดจากการดื่มสุราที่ปนเปื้อนสารเมธานอลเข้าไป โดยอาจเกิดความไม่ตั้งใจหรือเข้าใจผิดคิดว่าป็น เอทธานอลแอลกอฮอล์ที่ส่วนประกอบที่สำคัญของสุรา อาการพิษจากเมทธานอล จะปรากฏภายใน 1 ชั่วโมง- 3 วัน พิษจะมีผลโดยตรงต่อระบบประสาทส่วนกลางเหมือนกับเอทธิลแอลกฮอล์ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเมทธิลแอลกอฮอล์จะถูกเปลี่ยนสภาพเป็นฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) หรือกรดฟอร์มิก (Formic Acid) เป็นพิษต่อตา อาจทำให้ตาบอดได้ โดยอาการที่ค่อนข้างจำเพาะได้แก่ พิษทางตา ผู้ป่วยจะมีอาการตาพร่า ตามัว แพ้แสง เห็นภาพขาวจ้าไปหมด มีอาการปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน หายใจหอบ ชักและหมดสติ โดยหากได้รับในปริมาณมากกว่า 1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม อาจเสียชีวิตได้ทันที โดยเฉพาะผู้ที่ติดสุราเรื้อรัง จะปรากฏอาการเร็วและรุนแรงแม้ว่าได้รับเมทธานอลในปริมาณน้อยประมาณ 0.01 มิลลิกรัม/กิโลกรัม อาจเกิดพิษรุนแรง ทำให้ตาบอดหรือเสียชีวิตได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แต่หากได้รับพิษโดยการสัมผัสอย่างเรื้อรัง จะทำให้เกิดโรคผิวหนัง ผิวหนังฝ่อ จากการที่ไขมันที่ผิวหนังลดลง ในการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับพิษเมทธานอล ให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป เพื่อลดการเกิดกรดฟอร์มิก และรีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อให้ยาต้านพิษควบคู่กับการดูแลรักษาประคับประคองอาการ เมทธานอลโดยทั่วไปจะถูกขับออกทางไต ซึ่งอาจต้องล้างไตช่วยเพื่อขจัดพิษอออกจากร่างกายโดยเร็วที่สุด ******************************** 18 กรกฎาคม 2553



   


View 5       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ