วันนี้ (24 สิงหาคม 2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พันตำรวจเอกทนัย อภิชาตเสนีย์ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมแหล่งผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางผิดกฎหมาย ยี่ห้อการค้า “มิโกะมัสซูหรี”
นายจุรินทร์กล่าวว่า ได้มีผู้บริโภคที่ใช้เครื่องสำอางยี่ห้อ มิโกะมัสซูหรี แล้วเกิดอาการแพ้รุนแรง หน้าแดง เป็นขุย มาร้องเรียนกับ บก.ปคบ.และอย. จึงได้เข้าไปตรวจสอบและพบว่าเป็นเครื่องสำอางที่ผิดกฎหมายจริง โดยผู้บริโภคอนุญาตให้นำภาพถ่ายใบหน้าที่เป็นผลจากการใช้เครื่องสำอางมาเผยแพร่ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้บริโภครายอื่นด้วย
นายจุรินทร์กล่าวต่อไปว่า ในวันที่ 23 สิงหาคม 2553 บก.ปคบ.ได้เข้าไปตรวจค้นบ้านเลขที่ 4 และ 6 ชั้นล่างของเจริญสุขอพาร์ทเม้นท์ ซอยวิภาวดี 64 แยก 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงทพมหานคร พบเป็นสถานที่ผลิตและจำหน่ายเครื่องสำอางรายใหญ่ ซึ่งอย.เคยประกาศว่าเครื่องสำอางชนิดนี้ มีการผสมสารห้ามใช้ที่เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภคมาแล้วเมื่อปี 2550 โดยพบผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยี่ห้อ มิโกะมัสซูหรี ซึ่งขายเป็นชุด ใน 1 ชุด ประกอบด้วย 1. สบู่ 2.ครีมมาญาวี 2 3.ครีมมาญาวี 3 และ4.ครีมมาญาวี 4 ผลการทดสอบทางเคมีเบื้องต้น พบว่าครีมมาญาวี 3 มีสารไฮโดรควิโนน และกรดวิตามินเอ ซึ่งเป็นสารห้ามใช้ ผสมอยู่ด้วย
นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า สารไฮโดรควิโนน จะทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดจุดด่างขาวที่หน้า ผิวหน้าจะดำเป็นฝ้าถาวร รักษาไม่หาย ส่วนกรดวิตามินเอ จะทำให้หน้าแดงแสบร้อนรุนแรง อักเสบ ผิวหน้าลอกอย่างรุนแรง และเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ นอกจากนั้นยังพบครีมอีก 2 ยี่ห้อคือยี่ห้อ รันดา ครีมยี่ห้อ อัลฟ่า ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีสารไฮโดรควิโนน และกรดวิตามินเอ เช่นเดียวกัน รวมทั้งยังพบผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ยี่ห้อ มัสซูหรีอวตาร มีฉลากโฆษณาเกินจริง ชื่อในฉลากไม่ตรงกับที่ได้รับอนุญาต ไม่มีชื่อที่ตั้งผู้ผลิต และพบกาแฟสำเร็จรูปยี่ห้อ บิวตี้ บอร์ดี้ แอนด์ เฟิร์ม คอฟฟี่ ฉลากไม่ตรงกับที่อนุญาตและไม่มีชื่อที่ตั้งสถานที่ผลิต ได้ทำการยึดของกลางทั้งหมดรวมมูลค่าประมาณ 2 ล้านบาท และได้ส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจวิเคราะห์หาสารอันตรายต่อไป
นายจุรินทร์กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีของการจับกุมครั้งนี้ เกิดจากนโยบายที่ได้ให้ อย.และบก.ปคบ.ร่วมมือกันดำเนินการจัดการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ผลิตอาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ และวัตถุอันตรายที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันต้องขอความร่วมมือผู้บริโภค ประชาชนทั่วไปได้กรุณาแจ้งเบาะแสด้วย ซึ่งขณะนี้ได้มีการแจ้งเบาะแสเข้ามาเป็นจำนวนมากเพราะเห็นว่ากระทรวงสาธารณสุขเอาจริง และมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดขอให้แจ้งสายด่วน อย. 1556 หรือเขียนจดหมายส่งไปที่ เลขาธิการ อย. หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข หรือที่ บก.ปคบ. จะมีรางวัลนำจับให้ด้วย เช่นกรณีนี้ก็จะจ่ายรางวัลนำจับให้ทันที ไม่ต้องรอให้ศาลพิพากษา
ขณะเดียวกัน อยากฝากผู้บริโภคให้ช่วยดูแลตนเอง และไม่ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อการใช้เครื่องสำอาง อาหาร ยา เครื่องมือแพทย์ ในลักษณะอย่างนี้ ถ้าไม่แน่ใจก็ให้สอบถามที่สายด่วน อย.1556 เพื่อขอเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้ได้มีการเผยแพร่รายชื่อสินค้าที่ผิดกฎหมายทางเว็บไซด์ อย. www.fda.moph.go.th นายจุรินทร์ กล่าว
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า ขอให้ผู้บริโภคซื้อเครื่องสำอางด้วยความระมัดระวัง โดยซื้อจากร้านค้าที่มีแหล่งผลิตแน่นอน มีฉลากภาษาไทยที่มีข้อความบังคับครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและประเภทผลิตภัณฑ์ ส่วนประกอบสำคัญ วิธีใช้ ชื่อและที่ตั้งแหล่งผลิต วันเดือนปีที่ผลิต ปริมาณสุทธิ และไม่ซื้อเครื่องสำอางที่ อย. เคยประกาศว่าเป็นเครื่องสำอางไม่ปลอดภัยในการใช้ โดยมีการผสมสารห้ามใช้ เช่น ไฮโดรควิโนน กรดวิตามินเอ สารประกอบของปรอท
อย่างไรก็ตาม อย. จะตรวจสอบอย่างเข้มงวดกับผลิตภัณฑ์สุขภาพที่ผิดกฎหมายอีกหลายประเภท เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคชาวไทยให้ได้รับความปลอดภัย ผู้บริโภคท่านใดที่ประสบปัญหาจากการใช้เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์สุขภาพ โปรดให้ความร่วมมือ และแสดงตนร้องเรียนด้วยตนเองได้ที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรืออย. กระทรวงสาธารณสุข หรือที่สายด่วน อย. 1556 หรือแจ้งที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่พบการกระทำความผิดนั้น เพื่อจะได้ตรวจสอบอย่างเร่งด่วนและดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้กระทำความผิดอย่างเคร่งครัด
*********************************************** 24 สิงหาคม 2553