จากกรณีที่ นางเกศรินทร์ วุฒิวงศ์ อายุ 46 ปี อาศัยที่บ้านเลขที่ 2333/125 แฟลตเทพประทาน ถนนพระรามที่ 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ได้เข้าร้องเรียนนายกรัฐมนตรีที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติไบเทค บางนา เมื่อเช้าวันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2554) เรื่องขอเข้ารับการผ่าตัดใส่ประสาทหูเทียม เนื่องจากกินลาบแดงที่ทำจากเนื้อหมูดิบ ทำให้ป่วยเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจนทำให้ประสาทหูเสื่อม ไม่ได้ยินเสียงตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551 เป็นต้นมา

เกี่ยวกับความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับตัวนางเกศรินทร์ เข้ารักษาที่โรงพยาบาลราชวิถีในตอนเที่ยงวันนี้ โดยผู้ป่วยอยู่ในโครงการรักษาฟรีของโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อเกิดกรณีดังกล่าวโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ได้ส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แต่เนื่องจากผู้ป่วยเป็นกังวล จึงได้เดินทางไปโรงพยาบาลราชวิถีเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2553 และพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก ได้รับคำแนะนำให้ไปตรวจเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ หรือซีทีสแกน (CT scan) และตรวจเอ็กซ์เรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเอ็มอาร์ไอ(MRI) ปรากฏว่าจากนั้นแพทย์ยังไม่ได้รับผล เนื่องจากผู้ป่วยไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลแห่งอื่น

                  

                  

นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ผู้ป่วยรายนี้หากต้องการได้ยินเหมือนเดิม จะต้องฝังประสาทหูเทียมซึ่งมีราคา 850,000 – 1,000,000 บาท โดยประสาทหูเทียมดังกล่าว ไม่สามารถฝังได้ทุกคน จะสามารถฝังได้เฉพาะผู้ที่หูชั้นในไม่ตัน ซึ่งหากหูชั้นในตันจะทำการรักษาวิธีอื่นต่อไป และประสาทหูเทียมดังกล่าว ไม่อยู่ในสิทธิประโยชน์ของโครงการรักษาฟรี ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุข โดยโรงพยาบาลราชวิถีจึงได้ทำการช่วยเหลือนางเกศรินทร์ให้ได้รับการดูแลจากแพทย์ โดยใช้เงินของมูลนิธิของโรงพยาบาลราชวิธี ในการดูแลผู้ป่วยรายนี้เป็นพิเศษ ซึ่งในวันนี้แพทย์ได้สั่งทำซีทีแสกน และเอ็มอาร์ไอ อีกครั้ง

ด้าน นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคที่นางเกศรินทร์ เป็นนั้นเกิดจากเชื้อ สเตรปโตคอคคัส ซูอิส (Streptococcus suis) ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรีย อาศัยอยู่ในลำคอ ในจมูก และในเลือดของสุกรที่ติดเชื้อ สามารถติดต่อจากสุกรไปสู่คนได้จากการสัมผัสโดยตรง เช่น ติดทางบาดแผลที่ผิวหนัง การกินเนื้อหรือเลือดสุกรที่ไม่สุก   

อาการที่พบได้แก่ เยื่อหุ้มสมองอักเสบเฉียบพลัน มีไข้ ปวดศีรษะ คอแข็ง บางรายติดเชื้อในกระแสเลือดโดยไม่พบภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ บางรายแสดงอาการไข้ร่วมกับมีผื่น หลอดเลือดอักเสบ และอุจจาระร่วง บางรายติดเชื้อในเลือดอย่างรุนแรง บางรายติดเชื้อในเยื่อหุ้มหัวใจแบบกึ่งเฉียบพลัน ผู้ป่วยที่รอดชีวิตบางรายยังคงมีความพิการหลงเหลืออยู่ เช่น หูหนวกทั้ง 2 ข้าง และเป็นอัมพาตครึ่งซีก

ทั้งนี้ ตั้งแต่มกราคม – กุมภาพันธ์ 2554 พบผู้ป่วยด้วยเชื้อดังกล่าวและทำให้หูหนวกแล้วจำนวน 10 คน ส่วนใหญ่พบที่จังหวัดลำปางและสุโขทัย จึงอยากขอเตือนประชาชนในการรับประทานอาหารขอให้ปรุงให้สุกและอุ่นให้ร้อนก่อนนำมารับประทาน 

  ******************************** 21 กุมภาพันธ์ 2554



   
   


View 6       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ