รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งแก้ไขปัญหาการโฆษณานมผงเลี้ยงเด็ก โดยให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จัดทำกฎหมายควบคุมการโฆษณานมผงเลี้ยงเด็กทารกฉบับใหม่ ให้อำนาจรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุขมีอำนาจสั่งระงับการโฆษณาได้ด้วย คาดว่าจะเสร็จในเร็วๆนี้

          นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้า การแก้ไขปัญหาการโฆษณานมผงเลี้ยงเด็ก หลังจากที่มีข่าวสมัชชาสุขภาพเตรียมผลักดันร่างพระราชบัญญัติอาหารสำหรับทารก คุมเข้มการโฆษณาเกินจริงให้ได้ภายใน พ.ศ. 2555 เนื่องจากมีการโฆษณาชี้นำการเลี้ยงเด็กแรกเกิดไม่ถูกต้องในโรงพยาบาล ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ให้ความสำคัญเรื่องนี้ และมีนโยบายส่งเสริมให้แม่หลังคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น เนื่องจากนมแม่มีสารอาหารต่างๆครบถ้วนเพื่อพัฒนาทั้งสติปัญญาและอารมณ์ มีสารสำคัญหลายตัวที่จำเป็นสำหรับพัฒนาสมองและสายตา ซึ่งอวัยวะทั้ง 2 เป็นพื้นฐานหลักของกระบวนการเรียนรู้ทั้งหมดของเด็ก จากการศึกษาโดยทั่วไปพบว่า ทารกที่กินนมแม่จะมีระดับพัฒนาการเรียนรู้ดีกว่าเด็กที่กินนมผสม 2-11 จุด    
          นายแพทย์สุพรรณกล่าวต่อว่า ในการควบคุมการโฆษณานมผงเลี้ยงเด็ก ขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเร่งปรับปรุงกฎหมายฉบับใหม่ โดยมีหลักการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีอำนาจสั่งห้ามการโฆษณาอาหารที่จูงใจบริโภคไม่เหมาะสม ไม่ปลอดภัย หรือไม่จำเป็นได้ และกำหนดอาหารที่ห้ามโฆษณาพร้อมเงื่อนไขได้ เพราะกฎหมายที่ใช้บังคับในปัจจุบันคือพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522 มีหลักการควบคุมเฉพาะการโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหาร และห้ามโฆษณาคุณประโยชน์ คุณภาพ หรือสรรพคุณของอาหารที่เป็นเท็จ หรือหลอกลวงให้หลงเชื่อโดยไม่สมควร ดังนั้นหากผู้ประกอบการนมผงเลี้ยงเด็กอ่อน ไม่โฆษณาประโยชน์ คุณภาพอาหาร ก็จะไม่ฝ่าฝืนกฎหมายและไม่มีโทษ รวมทั้งรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ไม่สามารถสั่งระงับการโฆษณาได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจ คาดว่าจะจัดทำร่างแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้
          อย่างไรก็ดี ในการส่งเสริมให้หญิงหลังคลอดหันมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว พัฒนาคุณภาพบริการอนามัยแม่และเด็กให้มีคุณภาพมาตรฐาน ตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์ คลอด หลังคลอดและการเลี้ยงดูบุตรแรกเกิดถึง 5 ปี เริ่มตั้งแต่พ.ศ. 2550 เป็นต้นมา ซึ่งในโครงการดังกล่าว จะกระตุ้นให้หญิงหลังคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 100 เปอร์เซ็นต์ มีอสม.นมแม่ ขณะนี้มีโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนเข้าร่วมโครงการ 898 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 85 ของโรงพยาบาลทั้งหมด ผลประเมินของโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัวล่าสุดในปี 2552พบว่าผู้หญิงไทยตระหนักถึงประโยชน์นมแม่ และหันมาเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวติดต่อกัน 6เดือนเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 5 ในปี 2548เป็นร้อยละ 30 หรือประมาณ 240,000คน จากเด็กที่เกิดใหม่ปีละประมาณ 8แสนคน นายแพทย์สุพรรณกล่าว
 *******************************  7 มีนาคม 2554


   
   


View 6       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ