วันนี้ (29 มีนาคม 2554) ณ  อิมแพ็ค คอนเวนชั่นเซ็นเตอร์  เมืองทองธานี จ.นนทบุรี  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดการสัมมนาระดับชาติเรื่องโรคเอดส์ ครั้งที่ 13 “สิทธิด้านเอดส์ คือสิทธิมนุษยชน ร่วมพิทักษ์สิทธิ ร่วมรับผิดชอบ”(AIDS Rights is Human Rights, Join to Protect and Respond.)

นายจุรินทร์กล่าวว่า ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีสะสมถึงปี 2553 จำนวน 1,161,244 รายเสียชีวิตแล้ว 644,128 ราย ยังมีชีวิตอยู่ 522,548 ราย และมีผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ 10,853 ราย เป็นชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายร้อยละ 33 รองลงมาคือแม่บ้านที่ติดเชื้อจากสามีหรือคู่นอนประจำร้อยละ28กลุ่มชายที่ติดจากหญิงขายบริการ และกลุ่มสามีที่ติดจากภรรยามีอัตราการติดเชื้อเท่ากันคือร้อยละ 10 กลุ่มผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีดร้อยละ 9 กลุ่มที่มีเพศสัมพันธ์ชั่วคราวร้อยละ 7 และกลุ่มหญิงขายบริการติดจากนักเที่ยวร้อยละ 4 
รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข มุ่งมั่นสนับสนุนการดำเนินงานป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์  สนับสนุนการดำเนินงานร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน โดยมีการกำหนดเป้าหมาย และวิสัยทัศน์การดำเนินงานสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ใหม่ของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) คือ Zero new infections, Zero AIDS- related deaths , Zero discrimination” หรือ“ Getting to Zero ” (สู่เป้าหมายที่เป็นศูนย์) ซึ่งหมายถึง 1.การเร่งรัดการป้องกันหรือไม่เพิ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ในกลุ่มประชากรเฉพาะได้แก่ กลุ่มเยาวชน โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ กำหนดนโยบายระดับชาติ และระดับกระทรวง จัดทำหลักสูตรแกนกลางเพื่อสอนนักเรียน 30 ชั่วโมงต่อปีการศึกษา และวางระบบพัฒนาครูผู้สอน  กลุ่มประชากรเปราะบาง (พนักงานบริการหญิง ชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย ผู้ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด ฯลฯ) มีการพัฒนาระบบบริการดูแลสุขภาพที่เป็นมิตร ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย 100 เปอร์เซ็นต์   
          2.ลดการเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวี  โดยปรับเกณฑ์การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ เริ่มให้ยาต้านไวรัสเร็วขึ้น จากระดับภูมิคุ้มกัน (CD4) น้อยกว่า 200 เป็นน้อยกว่าหรือเท่ากับ 350 ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้ติดเชื้อเข้าถึงบริการรักษาด้วยยาต้านไวรัสได้เร็วขึ้น ทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้บริการตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีฟรี ปีละ 2 ครั้ง ที่โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข สำหรับคนไทยครอบคลุมทุกสิทธิ ทั้งสปสช. ประกันสังคม และข้าราชการ รวมถึงการเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และการดูแลรักษาด้วยยาต้านไวรัสในประชากรต่างด้าวที่ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งอยู่นอกระบบบริการสุขภาพ
 ทั้งนี้ ยังได้มีการอนุมัติงบประมาณในการป้องกัน และดูแลรักษาผู้ติดเชื้อแก่ สปสช. เพื่อดูแลรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ในปี 2554 จำนวน 2,997 ล้านบาท  ซึ่งเพิ่มกว่าในปี 2553 ประมาณ 200 ล้านบาท โดยเพิ่มกลุ่มเป้าหมายในกลุ่มชาติพันธุ์ และคนไทยที่รอพิสูจน์สิทธิ์ ให้ได้รับสิทธิ์การเข้าถึงบริการสุขภาพนอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขยังได้ประกาศสิทธิเหนือสิทธิบัตรยาต้านไวรัส (CL) 2 รายการ ตั้งแต่ปี 2550  ซึ่งสามารถประหยัดงบประมาณเป็นเงิน  5,700 ล้านบาท  ทำให้ภาพรวมการเข้าถึงยาต้านไวรัสครอบคลุมเพิ่มขึ้น จากปี 2550-2553 คิดเป็นร้อยละ 42.55, 57.88, 70.12 และ 70.60ตามลำดับ
3.ไม่มีการเลือกปฏิบัติกับผู้ติดเชื้อ เอชไอวี ด้วยแนวทางที่เป็นรูปธรรม โดยส่งเสริมเครือข่ายผู้ติดเชื้อให้ชุมชนยอมรับ และเคารพสิทธิ์ผู้ติดเชื้อปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรสาธารณสุขให้เคารพสิทธิ์ และไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อ พัฒนาการบริการที่เป็นมิตร มีมาตรฐานการบริหารจัดการด้านเอดส์ในสถานประกอบการ และมีแนวปฏิบัติด้านเอดส์ในสถานที่ทำงานเพื่อลดการเลือกปฏิบัติต่อผู้ติดเชื้อเอชไอวี การให้ความรู้แก่พนักงาน ไม่กีดกันผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีสุขภาพดีให้ทำงานได้อย่างปกติ ไม่เลือกปฏิบัติ และไม่บังคับตรวจเลือดก่อนเข้าทำงาน ส่งเสริม สนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)  มีส่วนร่วมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์และสุขภาพในชุมชน โดยการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ อปท.นำร่อง  825 แห่ง  นโยบายการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวี โดยคำนึงถึงหลักการพื้นฐานเรื่องสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังได้ทำโครงการโรงพยาบาลสาธารณสุขยุคใหม่เพื่อคนไทยมีสุขภาพดีมีรอยยิ้มหรือโรงพยาบาล 3 ดี โครงการลดความแออัดในโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ขยายพื้นที่บริการ ขยายเวลา พัฒนาระบบส่งต่อ รวมทั้งพัฒนายกระดับสถานีอนามัยเป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทั่วประเทศ ช่วยให้ประชาชนและผู้ป่วยโรคเอดส์ เข้าถึงบริการได้สะดวกขึ้น
            ************************************************** 29 มีนาคม 2554


   
   


View 6       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ