กระทรวงสาธารณสุข เผยไทยพบวัยรุ่นหญิงมีรอบเอวเกิน 80 ซม.ร้อยละ 58 และประเทศไทยเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังปีละกว่า 6,000 ล้านบาท จัดประชุมวิชาการไทย เซี่ยงไฮ้ ครั้งที่ 5 พัฒนาระบบการแพทย์แผนจีนให้ตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้ป่วยโรคอ้วนและผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เป็นทางเลือกในการรักษา

วันนี้(6 กรกฎาคม 2554)ที่โรงแรมนารายณ์ กรุงเทพหมานคร นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการไทย เซี่ยงไฮ้(ประเทศไทย)ครั้งที่ 5 และการประชุมวิชาการการแพทย์แผนจีน ครั้งที่ 2 เรื่อง การแพทย์ไทย จีน กับโรคอ้วนและโรคไตเรื้อรัง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 แก่แพทย์จีน แพทย์ฝังเข็ม นักศึกษาหลักสูตรแพทย์แผนจีน ผู้แทนจากสำนักสาธารณสุขเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ มหาวิทยาลัยการแพทย์แผนจีน โรงพยาบาลในสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้แทนจากกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จำนวน 500 คน
นายแพทย์ไพจิตร์ กล่าวว่า ปัจจุบันอุปนิสัยการบริโภคของประชาชนเปลี่ยนไป ส่งผลให้เกิดโรคต่างๆตามมา เช่น โรคอ้วน โรคไต ที่มีสาเหตุส่วนใหญ่จากโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งขณะนี้คนไทยมีภาวะอ้วน และลงพุงเพิ่มมากขึ้น โดยในรอบ 10ปีที่ผ่านมาพบกลุ่มที่น่าวิกฤตที่สุดก็คือกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15ปีขึ้นไปโดยพบว่าเพศหญิงทั่วประเทศมีรอบเอวเกิน 80เซนติเมตร สูงถึงร้อยละ 58ส่วนเพศชายมีรอบเอวเกิน 90เซนติเมตร ร้อยละ 34 กลุ่มอายุ 20 - 29ปี มีภาวะโรคอ้วนเพิ่ม 7.5เท่าตัว จากร้อยละ 2.9เป็นร้อยละ 21.7ส่วนในกลุ่มอายุ 40 - 49ปี อ้วนเพิ่มขึ้น 1.7เท่า
ส่วนโรคไตเรื้อรังเป็นอีกโรคที่ยังเป็นปัญหาสาธารณสุขเนื่องจากเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปี 2549 พบผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย 302 คนต่อประชากร 1ล้านคนและเพิ่มเป็น 420 คนต่อประชากร 1 ล้านคนในปี 2550 ทั้งนี้ประเทศไทยต้องเสียค่าดูแลผู้ป่วยโรคนี้ถึงปีละ 6,400 ล้านบาท
ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และสำนักสาธารณสุขเทศบาลนครเซี่ยงไฮ้ จึงได้จัดประชุมวิชาการไทย เซี่ยงไฮ้(ประเทศไทย) ครั้งที่ 5 และการประชุมวิชาการการแพทย์แผนจีน ครั้งที่ 2 เรื่อง การแพทย์ไทย จีน กับโรคอ้วนและโรคไตเรื้อรัง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 เพื่อพัฒนาระบบการแพทย์แผนจีนให้ตอบสนองความต้องการกลุ่มผู้ป่วยโรคอ้วนและผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เป็นทางเลือกในการรักษาประชาชนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการพัฒนาทักษะ แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์การรักษา รวมถึงยกระดับคุณภาพมาตรฐานการให้บริการด้านการแพทย์แผนจีนในประเทศไทยด้วย
 
   ........................                    6 กรกฎาคม 2554


   
   


View 13    06/07/2554   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ