ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยขณะนี้ โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเปิดศูนย์โรคหัวใจให้บริการประชาชนในต่างจังหวัดแล้ว 46 แห่ง เน้นการบริการเป็นเครือข่าย มีระบบทางด่วนส่งต่อผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลชุมชน เข้าผ่าตัดรักษาที่ศูนย์โรคหัวใจแม่ข่ายทันที ไม่ต้องรอคิวนาน และเริ่มบริการยาสลายลิ่มเลือดโรคหัวใจในโรงพยาบาลชุมชนปีนี้ 50 กว่าแห่ง จะขยายการให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศ
วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2555) ที่โรงแรมรอยัลภูเก็ตซิตี้ จังหวัดภูเก็ต นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดประชุมวิชาการเครือข่ายบริการรักษาโรคหัวใจ (Cardiac Network Forum) ของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้แนวคิดเครือข่ายคนไทยหัวใจแข็งแรง จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 24 กุมภาพันธ์ 2555 เพื่อเป็นเวทีให้แพทย์พยาบาล เภสัชกร นักวิชาการซึ่งเข้าร่วมประชุม 1,200 คน ได้นำเสนอผลงานเด่นด้านโรคหัวใจของโรงพยาบาลต่างๆ พัฒนาความเข้มแข็งทางวิชาการ เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย นำไปพัฒนาการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคหัวใจให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายพัฒนาระบบบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุขของโรงพยาบาลในสังกัดกว่า 10,000แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนในต่างจังหวัดได้รับบริการสะดวก อยู่ใกล้บ้าน และคุณภาพมาตรฐานเดียวกันกับโรงเรียนแพทย์ โดยเฉพาะโรคที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทางการแพทย์ชั้นสูง เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด อุบัติเหตุ มะเร็ง เป็นต้น โดยได้พัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ที่มี 19แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางระดับสูง 4สาขา ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคหัวใจ การดูแลทารกแรกเกิด และอุบัติเหตุทุกชนิด เพื่อให้เป็นศูนย์รับดูแลผู้ป่วยจากโรงพยาบาลจังหวัด และโรงพยาบาลชุมชนในเครือข่าย ภายปี 2558
นายแพทย์ไพจิตร์กล่าวต่อว่า สำหรับโรคหัวใจซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยป่วยและเสียชีวิตใน 3 อันดับแรกติดต่อกันตลอด 10 ปีจนถึงขณะนี้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากการที่คนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงกันมาก โรคนี้ต้องได้รับการรักษาที่รวดเร็ว โอกาสการรอดชีวิตจะสูงขึ้น กระทรวงสาธารณสุข ได้เร่งพัฒนาโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ในสังกัดที่อยู่ในต่างจังหวัด ให้เป็นศูนย์รักษาโรคนี้โดยเฉพาะและเป็นศูนย์ส่งเสริมป้องกันโรคหัวใจด้วย เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบันสามารถจัดตั้งศูนย์โรคหัวใจแล้ว 46 ศูนย์จากศูนย์โรคหัวใจของโรงพยาบาลทุกสังกัดที่มี 60 แห่งทั่วประเทศ
ด้านแพทย์หญิงดวงตา อ่อนสุวรรณ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักบริหารการสาธารณสุข กล่าวว่า ในการพัฒนาศูนย์โรคหัวใจนั้น จะดำเนินการในรูปเครือข่ายบริการ มีระบบส่งต่อระหว่างโรงพยาบาลศูนย์โรคหัวใจที่เป็นแม่ข่ายกับโรงพยาบาลลูกข่ายที่เป็นโรงพยาบาลชุมชนที่ลงตัว ไม่มีปัญหาเตียงไม่ว่างหรือรอคิวยาวนาน โดยมีการจัดระบบการให้คำปรึกษาและทางด่วนส่งต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ สามารถเข้ารับการรักษาที่ศูนย์โรคหัวใจได้ทันที ไม่ต้องไปเริ่มที่แผนกผู้ป่วยนอกและแผนกฉุกเฉินเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยลดอันตรายและอัตราการเสียชีวิตลง ในระยะแรกนี้ ได้นำร่องโครงการคลินิกยาวาร์ฟาริน (Warfarin Clinic)บริการผู้ป่วยโรคหัวใจ ที่ต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือด ป้องกันหัวใจหรือสมองขาดเลือด เสียชีวิตหรือเป็นอัมพาต ให้สามารถรับการตรวจรักษา และรับยาละลายลิ่มเลือดที่โรงพยาบาลชุมชนใกล้บ้านได้ ขณะนี้เริ่มแล้ว 50 กว่าแห่ง และจะขยายการให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป
******************************** 23 กุมภาพันธ์ 2555