กระทรวงสาธารณสุข จัดงานมหกรรมศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 2012 ครั้งใหญ่ แสดงศักยภาพและความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ รองรับประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนภายในปี พ.ศ. 2558 คาดภายใน 5 ปี จะนำรายได้เข้าประเทศได้ถึง 800,000 ล้านบาท พร้อมกับเป็นสักขีพยานในการสร้างสถิตินวดไทยมากที่สุดในโลกบันทึกลงสถิติโลก

          วันนี้(24 สิงหาคม 2555)ที่ห้องประชุมไพจิตร ปวะบุตร กระทรวงสาธารณสุข นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์อภิชัย มงคล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และนายแพทย์สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกันแถลงข่าวการจัดงาน “มหกรรมศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ 2012 หรือ ไทยแลนด์ เมดิคัล ฮับ เอ็กซ์โป 2012 (Thailand Medical Expo 2012)”
นายวิทยา กล่าวว่า รัฐบาลโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้บรรจุนโยบายพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือเมดิคัล ฮับ (Medical Hub)เพื่อนำรายได้เข้าประเทศโดยเน้นการพัฒนาและส่งเสริมการจัดบริการสุขภาพแบบนานาชาติ (Medical Hub and Wellness)โดยมีแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติในปี พ.ศ.2555 – 2559 เพื่อเป็นการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่คุณภาพระดับนานาชาติ ใน 4ด้าน ได้แก่ 1.การรักษาพยาบาล เช่น ทันตกรรม การรักษาโรคเฉพาะทาง การพำนักระยะยาว 2.การส่งเสริมสุขภาพ เช่น สปา นวดเพื่อสุขภาพ 3.บริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ส่งเสริมให้จัดตั้งโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยหรือการแพทย์ทางเลือกทุกภูมิภาคให้โรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนเปิดคลินิกแพทย์แผนไทยในโรงพยาบาล และ4.ผลิตภัณฑ์สุขภาพและสมุนไพรไทยให้ได้มาตรฐาน จีเอ็มพี(GMP)คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า ประมาณ 800,000 ล้านบาท ซึ่งในปี 2555 นี้ มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพื่อรับการรักษาในประเทศไทยจำนวน 2.5 ล้านคน นำรายได้เข้าประเทศแล้วถึง 121,658 ล้านบาท
 ในการยกระดับบริการสุขภาพของประเทศไทยให้ก้าวเข้าสู่คุณภาพระดับนานาชาตินั้น จะต้องไม่เกิดผลกระทบกับการบริการสุขภาพโดยรวมของคนไทยและมีการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขทั้งระบบ มีการกระจายตัวของการบริการระดับตติยภูมิให้ทั่วทุกภูมิภาค ขยายเวลาพำนักของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามารักษาพยาบาลในประเทศไทย จากเดิม 30 วัน เป็น 90 วัน โดยไม่ต้องทำวีซ่า และสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้หลายครั้ง รวมกันแล้วไม่เกิน 1 ปี ในขั้นต้นอนุโลมให้ 5 ประเทศในกลุ่มอาหรับ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ รัฐกาตาร์ รัฐคูเวต รัฐสุลต่านโอมาน และรัฐบาห์เรน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปลายปีนี้  พัฒนาระบบบริการสุขภาพในระยะยาว พัฒนาระบบการเก็บเงินจากต่างประเทศ ตลอดจนการเตรียมความพร้อมการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งอุตสาหกรรมยาสมุนไพร อุตสาหกรรมอาหารฮาลาล และเปิดตลาดเชิงรุกด้วยการประชาสัมพันธ์แบบอิเล็คทรอนิค
การจัดงานไทยแลนด์ เมดิคัล ฮับ เอ็กซ์โป 2012 ครั้งนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม 2 กันยายน พ.ศ. 2555 ที่เมืองทองธานี เพื่อแสดงความพร้อมรองรับการก้าวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่จะมีผลในปี พ.ศ. 2558 และการเปิดเสรีทางการค้า ภายใต้แนวคิด ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการดูแลสุขภาพในระดับโลก (Thailand as World Class Health Care Destination) เป็นการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของสถานประกอบการธุรกิจบริการสุขภาพในประเทศไทยให้มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสูงขึ้น
 ภายในงาน มีกิจกรรม นิทรรศการ และผลงานของบริการสุขภาพใน 4 ด้านหลัก เช่น นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระราชกรณียกิจด้านสาธารณสุขของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์นิทรรศการครบรอบ 93 ปี กระทรวงสาธารณสุข การอบรมสัมมนาวิชาการและฝึกอบรมเชิงปฏิบัติ ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์และประชาชนทั่วไปที่สนใจ บริการตรวจรักษาพยาบาลฟรี จากโรงพยาบาล และคลินิกชั้นนำต่างๆ    การแสดงสินค้าและบริการด้านสุขภาพที่ได้มาตรฐานสากล  การเสวนาทางวิชาการในเวทีกลาง  และพบกับเหล่าซือที่มีชื่อเสียงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะมาถ่ายทอดความรู้และสาธิตศาสตร์การแพทย์แผนจีน การเจรจาทางธุรกิจ กับผู้แทนของหน่วยงานหลักในต่างประเทศเป็นต้น
นอกจากนี้ ในวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555 จะจัดให้มีการบันทึกสถิตินวดไทยมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของไทยสู่สายตาโลกก่อให้เกิดการท่องเที่ยวไทย สร้างรายได้เข้าประเทศมากขึ้น ตลอดจนเป็นการสร้างชื่อเสียงด้านการนวดไทยที่มีคุณภาพมาตรฐานและบริการในระดับสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลกสำหรับผู้สนใจเข้าร่วมงานหรือออกบู๊ท สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ข้อมูล ไทยแลนด์ เมดิคัล ฮับ เอ็กซ์โป 2012 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ : 0 2590 1997ต่อ701–704 และ 0 2726 4500   รวมทั้งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่www.medicalhub2012.com
 
 ****************************** 24 สิงหาคม 2555


   
   


View 12    24/08/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ