รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เร่งขยายความร่วมมือกระทรวงศึกษาธิการสร้างทักษะชีวิตให้กลุ่มนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนที่นิยมชายรักชาย เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอดส์ และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ เผยผลสำรวจในกทม.ในปี 2550 พบเด็กมัธยมศึกษาและอุดมศึกษามีความชุกติดเชื้อเอชไอวีร้อยละ 22 ส่วนต่างจังหวัดที่จังหวัดสระบุรี ในปี 2554 พบนักเรียนชายเริ่มมีเพศสัมพันธ์กับชายเมื่ออายุเพียง 12 ปี และร้อยละ 62ยังเข้าใจผิดคิดว่าการสวนล้างทวารหนักหลังร่วมเพศ สามารถป้องกันเอดส์ได้
นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดกิจกรรมรณรงค์ วัยรุ่นฉลาดรัก รู้จักป้องกัน (SMART TEEN : Love “say+play”) พร้อมด้วยนายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ในโครงการศึกษา-สาธารณสุขร่วมใจ เทิดไท้องค์ราชัน ลดโรค เพิ่มสุข วัยรุ่นไทย ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ กทม. เมื่อเที่ยงวันนี้ (28 สิงหาคม 2555) ว่า โครงการนี้เป็นโครงการดูแลสุขภาพประชาชนตามกลุ่มอายุตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มอบหมายให้กรมสุขภาพจิต ดำเนินการร่วมกับโรงเรียนต่างๆ ดูแลกลุ่มวัยรุ่นซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในระบบการศึกษา ในระยะแรกนี้จะดำเนินการในโรงเรียนมัธยมในกทม. 12 แห่งเพื่อเป็นต้นแบบ โดยใช้ดนตรีเป็นสื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องเพศที่ถูกต้อง เพื่อชะลอการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย และมีความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น และบูรณาการเชื่อมระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียนในสถานศึกษาและส่งต่อในระบบบริการสาธารณสุขเพื่อให้นักเรียนเข้าถึงบริการต่างๆ เช่นบริการปรึกษาการป้องกันการตั้งครรภ์ การป้องกันการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้น
นายแพทย์สุรวิทย์กล่าวต่อว่า กลุ่มที่น่าห่วงขณะนี้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปัญหาการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นหญิงก็คือปัญหาชายรักชาย ทั้งเกย์และกระเทย รักคนในเพศเดียวกัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย เด็กจะรู้สึกว่าตนเองต่างจากเพื่อนเพศเดียวกันตั้งแต่อายุ 3-4ขวบ เมื่อเริ่มเข้าสู่วัยรุ่นจะมีความรู้สึกทางเพศกับเพศเดียวกัน ต่างไปจากเพื่อนผู้ชายด้วยกัน การมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายโดยไม่มีการป้องกัน จะมีความเสี่ยงอย่างน้อย 4 โรค คือ ติดเชื้อเอชไอวี เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อกามโรค และมะเร็งของทวารหนักในระยะยาวได้
ทั้งนี้ ผลสำรวจอัตราการติดเชื้อเอชไอวีในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายในเขตกทม. ในปี 2546-2550 พบว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นจากร้อยละ 17 เป็นร้อยละ 31 ขณะเดียวกันกลุ่มชายรักชายมีอัตราการใช้ถุงยางอนามัยกับคู่นอนแบบฉาบฉวยและคู่รักต่ำกว่าร้อยละ 50 โดยผลสำรวจในเขตกทม.ในปี 2550 พบว่าเด็กระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา มีความชุกการติดเชื้อเอชไอวีร้อยละ 22 และจากการคาดประมาณผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ในปี 2552พบว่ามีผู้ติดเชื้อประมาณ 12,000คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 30 เป็นกลุ่มชายมีเพศสัมพันธ์กับชาย
สำหรับข้อมูลของนักเรียนชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายในต่างจังหวัด ผลการศึกษาของสำนักเอดส์ วัณโรคและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรคในปี 2553-2554ที่จังหวัดสระบุรี ในเด็กมัธยมชาย 300คน อายุเฉลี่ย 14 ปี อายุน้อยสุด 12 ปี มากสุดอายุ 19 ปี จากการประเมินความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคเอดส์ พบว่านักเรียนส่วนใหญ่ยังมีความรู้เรื่องเอดส์อยู่ในระดับต่ำ และมีทัศนคติยังไม่ถูกต้อง เช่นการสวนล้างทวารหนักหลังร่วมเพศสามารถป้องกันเอดส์ได้พบนักเรียนตอบผิดร้อยละ 62 และตอบเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักที่ไว้ใจ โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยจะไม่ติดเชื้อเอชไอวีตอบผิดถึงร้อยละ 41 นอกจากนี้ 1 ใน 3 ยังมีความเชื่อว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคู่ที่เป็นชายหลายคนไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะเป็นผู้ชายด้วยกัน และอีกร้อยละ 46 เห็นว่าการมีเพศสัมพันธ์กับคนอื่นโดยมีการแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ที่ได้รับไม่เป็นเรื่องเสียหาย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ เร่งให้ความรู้เรื่องเพศศึกษาแก่นักเรียน เยาวชนต่อไป ********28 สิงหาคม 2555
View 14
28/08/2555
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ