กระทรวงสาธารณสุขเผยความคืบหน้าโครงการลดอ้วนสร้างบุญช่วงเข้าพรรษา 3 เดือน ได้รับความสนใจจากประชาชนและองค์กรต่างๆ สมัครเข้าโครงการ และบริจาคน้ำหนักเบื้องต้นรวม 2,200 ตัน แนะนำการลดน้ำหนักตัว อย่าลดแบบหักโหมผิดวิธี โดยอดอาหารหรือกินยาลดความอ้วน ให้เน้นสร้างนิสัยการกินอาหารเพื่อสุขภาพและออกกำลังกายสม่ำเสมอ

วันนี้ (31 สิงหาคม 2555) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โสภณ เมฆธน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเปิดโครงการรณรงค์ เข้าพรรษา ลดอ้วน สร้างบุญในกลุ่มข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า หลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการรณรงค์ทำความดีเข้าพรรษาเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีน้ำหนักตัวเกินมาตรฐานมาร่วมกันลดน้ำหนักเพื่อให้มีสุขภาพดี ถวายเป็นพุทธบูชา ตลอดช่วง  3 เดือนเทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ เริ่มตั้งแต่วันที่  3สิงหาคม - 30ตุลาคม  2555  ตั้งเป้าหมายผู้ร่วมโครงการลดน้ำหนักลงได้ไม่น้อยกว่า 10,000 ตัน จากการติดตามประเมินผลในช่วงเกือบ  1 เดือน พบว่า ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศ และเจ้าหน้าที่จากองค์กร หน่วยงานต่างๆ เป็นอันมาก อาทิ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ รัฐสภา สถานศึกษา การบินไทย เป็นต้น สมัครเข้าร่วมโครงการ รวมน้ำหนักที่ตั้งใจลด   2,222.689   ตันคาดว่าจะครบตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
 
นายแพทย์โสภณกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้เหลือเวลาในการลดน้ำหนักให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจทำบุญไว้ อีก  2  เดือนจึงจะสรุปผล อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องการให้ประชาชนลดน้ำหนักอย่างหักโหม เช่น อดอาหารเช้า หรือกินยาลดน้ำหนักซึ่งมีผลเสียต่อสุขภาพ แต่ขอให้ลดอย่างถูกวิธีด้วยความมุ่งมั่น ควรลดน้ำหนักได้ไม่เกินเดือนละ  4  กิโลกรัมตามเกณฑ์มาตรฐาน เน้นเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายให้เป็นนิสัย โดยกินอาหารให้ครบทุกมื้อ เน้นหนักในมื้อเช้า ลดปริมาณในมื้อกลางวัน และลงลงอีกในมื้อเย็น ซึ่งควรรับประทานให้เร็วขึ้น ก่อนนอนอย่างน้อย  4 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายนำพลังงานมาใช้ ไม่สะสมเป็นไขมันหรือน้ำตาลในร่างกาย นอกจากนึ้ ควรลดอาหารรสหวาน ไขมันสูง เค็ม และลดปริมาณข้าวและแป้งลง กินผักผลไม้ทุกมื้อดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำหวาน น้ำอัดลมและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ รวมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญพลังงานที่ได้รับจากอาหาร อย่างน้อยสัปดาห์ละ  3 ครั้ง ครั้งละ  30 นาที หากทำอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างแน่นอน กล้ามเนื้อจะแข็งแรง รูปร่างดี และสุขภาพดีขึ้น ลดความเสี่ยงป่วยด้วยโรคทั่วๆไป เช่นหวัด ภูมิแพ้ และโรคเรื้อรัง ที่ทำให้เกิดความพิการและเสียชีวิตตามมา เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดสูงโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด และมะเร็ง  ส่วนในกลุ่มคนป่วยแล้ว จะช่วยควบคุมอาการให้ดีขึ้นได้
 
ทั้งนี้ ผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน การลดน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานยังมีความจำเป็น และผู้ที่มีน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานแล้วก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ควรจะควบคุมรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ไว้ ในการควบคุมน้ำหนักตัวเองให้อยู่ในสัดส่วนใกล้เคียงกับมาตรฐาน สามารถใช้หลักการง่าย ๆ โดยผู้ชายใช้ส่วนสูงเป็นเซนติเมตรลบด้วย 100 ผู้หญิงลบด้วย  110 ก็จะได้น้ำหนักตัวที่ควรจะเป็น เช่น ผู้ชายที่มีส่วนสูง  170 เซนติเมตร น้ำหนักตัวไม่ควรเกิน  70  กิโลกรัม เป็นต้น  ควรออกกำลังกายตามความถนัด และควบคุมอาหารอย่างต่อเนื่อง
 
************************************* 31 สิงหาคม 2555


   
   


View 10    31/08/2555   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ