โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ เปิดบริการตรวจสุขภาพเด็กต่ำกว่า 5 ขวบฟรี เทิดพระเกียรติครบ 2 ชันษาพระองค์เจ้าทีปังกรฯ เผยขณะนี้หญิงไทยหลังคลอดกว่า 6 แสนคน เมินคุณค่านมแม่ เป็นเหตุให้เด็กไทยมีทุนสมองต่ำกว่ามาตรฐาน เร่งแก้ไขให้โรงพยาบาลทุกแห่งใช้ยุทธศาสตร์ 3 ดูด สูตรเด็ด ตั้งเป้าหนุนให้หญิงหลังคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเดียว 6 เดือนให้ได้ 200,000 คนปีนี้ เช้าวันนี้ (29 เมษายน 2550) ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช และโรงพยาบาลอู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี นายแพทย์ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ พระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระโอรสในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชันษาครบ 2 ปี ในวันที่ 29 เมษายน 2550 โดยโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขกว่า 800 แห่งทั่วประเทศร่วมจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติและจัดบริการตรวจสุขภาพและพัฒนาการเด็กวัยต่ำกว่า 5 ขวบฟรี ระหว่างวันที่ 28 เมษายน ถึงวันที่ 2 พฤษภาคม 2550 นายแพทย์ปราชญ์ กล่าวว่า พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงเป็นต้นแบบของเด็กไทย ที่ทรงได้รับการอภิบาลด้วยพระกษีรธาราหรือนมแม่จากพระมารดา ทำให้มีพระพลานามัยแข็งแรง และทรงมีพัฒนาการยอดเยี่ยม โดยในวันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มอบกระเป๋าของขวัญ ให้แก่แม่ทั่วประเทศที่คลอดบุตรตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 28 เมษายน 2550 จนถึงเวลา 24.00 ของวันที่ 29 เมษายน 2550 เพื่อส่งเสริมให้หญิงหลังคลอดทุกรายเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งเป็นอาหารที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับทารก และกระตุ้นพัฒนาการเด็กตั้งแต่แรกเกิด โดยทุก 1 นาที ทั่วประเทศจะมีเด็กเกิดใหม่เกือบ 2 คน ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สุพรรณบุรี มีเด็กเกิดใหม่ในวันนี้ ทั้งหมด 1 คน และมีหญิงรอคลอดอีก 1 คน ทั้งนี้ภายในกระเป๋าของขวัญ จะมีถุงและขวดสำหรับเก็บนมแม่ กระเป๋าเก็บน้ำแข็ง เสื้อสำหรับแม่ที่ออกแบบให้สามารถให้นมลูกได้อย่างสะดวกใจเมื่อพาลูกออกไปนอกบ้าน และยังมีหนังสือนิทานเด็ก เรื่องเล่าจากแม่สู่ลูก หนังสือความรู้เรื่องต้นทุนไอคิว/อีคิวเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าทีปังกรฯ ตำรับอาหารหญิงตั้งครรภ์หญิงให้นมลูก และโมบายแขวนเพื่อส่งเสริมกระตุ้นพัฒนาเด็กตั้งแต่แรกเกิด นายแพทย์ปราชญ์กล่าวต่อว่า นมแม่ เป็นต้นทุนของสมองลูกที่สำคัญที่สุด เนื่องจากมีสารอาหารครบถ้วนและยังช่วยสร้างเสริมภูมิต้านทานโรค สามารถใช้เลี้ยงทารกอย่างเดียวไปได้จนถึงอายุ 6 เดือน เด็กที่กินนมแม่จะไม่ค่อยเจ็บป่วยและไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องโรคภูมิแพ้ ขณะนี้องค์การอนามัยโลกมีนโยบายให้หญิงทั่วโลกเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดอย่างเดียวจนถึง 6 เดือน ให้มากที่สุด จากผลสำรวจสถานการณ์การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในไทยของกรมอนามัย ล่าสุดใน พ.ศ. 2548 จากแม่หลังคลอดซึ่งทั่วประเทศมีปีละ 800,000 คน ในจำนวนนี้ 1 ใน 3 เป็นแม่มือใหม่ พบว่าเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 4 เดือนร้อยละ 21 หรือเพียง 160,000 กว่าคนเท่านั้น ที่เหลืออีก 6 แสนกว่าคนเลี้ยงนมผสมควบคู่ด้วย ส่วนการเลี้ยงด้วยนมแม่อย่างเดียว 6 เดือนมีน้อยมากเพียงร้อยละ 15 ผลที่ตามมาและน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง พบว่าสติปัญญาเด็กไทยซึ่งเป็นผลมาจากการเลี้ยงดู พันธุกรรมและอาหาร มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 88-91 จุด ต่ำกว่ามาตรฐานสากลที่กำหนดไว้คือ 90-110 จุด โดยมีเด็กพัฒนาการล่าช้าร้อยละ 15-28 สาเหตุที่อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ของไทยยังต่ำ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแม่ต้องทำงานนอกบ้านด้วย ทั้งนี้ ในปี 2550 กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายส่งเสริมให้หญิงหลังคลอดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่มากขึ้น โดยพัฒนาโรงพยาบาลในสังกัดกว่า 800 แห่งทั่วประเทศ เป็นโรงพยาบาลสายใยรักแห่งครอบครัว เพื่อสร้างความเข้มแข็งระบบบริการอนามัยแม่และเด็ก ตั้งแต่ระยะตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด โดยจะใช้ยุทธศาสตร์ 3 ดูดสูตรเด็ด เป็นเคล็ดลับหนุนนมแม่ไห้ได้ประโยชน์มากที่สุด คือ ให้ดูดเร็ว ดูดบ่อย และดูดถูกวิธี ตั้งเป้าหมายในปีนี้จะเพิ่มอัตราการเลี้ยงลูกนมแม่นาน 6 เดือนให้ได้ร้อยละ 25 หรือประมาณ 2 แสนคน และเปิดคลินิกดูแลสุขภาพเด็กและพัฒนาของเด็กต่อเนื่องจนถึงอายุ 6 ขวบ ตั้งเป้าหมายให้เด็กมีพัฒนาการสมวัย ร้อยละ 90 ทางด้านนายแพทย์ชัชรินทร์ ปิ่นสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช จ.สุพรรณบุรี กล่าวว่า ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราชมีหญิงคลอดบุตรเฉลี่ยวันละ 20-40 คน ขณะนี้โรงพยาบาลได้นำยุทธศาสตร์ 3 ดูดสูตรเด็ดมาใช้ โดยยุทธศาสตร์ดูดเร็ว จะให้เด็กหลังคลอดดูดนมแม่ภายในครึ่ง-1 ชั่วโมง เพื่อกระตุ้นน้ำนมแม่ โดยอ้อมกอดแม่ระหว่างให้นมลูก จะเป็นจุดเริ่มต้นสายสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูก ยุทธศาสตร์ดูดบ่อย หมายถึงการให้เด็กดูดนมแม่ทุก 2 ชั่วโมงในช่วงที่น้ำนมมามาก 2-3 วันแรก ดูดนานข้างละ 10 นาที หรือดูดจนเกลี้ยงเต้า เพื่อกระตุ้นการสร้างน้ำนมอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้เด็กเจริญเติบโตสมบูรณ์ และยุทธศาสตร์ดูดถูกวิธี โดยให้ลูกอมหัวนมแม่ลึกจนถึงลานนม ซึ่งจะทำให้เด็กได้รับน้ำนม ไม่ทำให้หัวนมแตกเป็นแผลและไม่ทำให้แม่เจ็บด้วย สำหรับแม่ที่ต้องไปทำงานนั้น จะมีพยาบาลสอนวิธีบีบน้ำนมเก็บใส่ขวดไว้ได้ โดยหากไม่ได้แช่เย็น จะเก็บได้นาน 4-6 ชั่วโมง หากแช่ในตู้เย็น จะเก็บได้นานขึ้น หากแช่ใต้ช่องน้ำแข็ง จะเก็บได้นาน 2-3 วัน หากเก็บในช่องแช่แข็งจะอยู่ได้ 2 สัปดาห์ โดยก่อนนำนมที่แช่เย็นมาให้ลูกกิน ต้องวางให้หายเย็นก่อน หรือแช่น้ำอุ่นก็ได้ ห้ามแช่ในน้ำร้อนหรือนำเข้าเตาไมโครเวฟเด็ดขาด เพราะจะให้ภูมิต้านทานในน้ำนมแม่สูญเสียไป ******************************** 29 เมษายน 2550


   
   


View 3       ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ