สาธารณสุขเตือนภัยผู้ปกครอง ที่นิยมกวาดลิ้นกำจัดฝ้าขาวในปากเด็ก ระวังอย่าซื้อยากวาดที่ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยาอย่างเด็ดขาด หลังพบเด็กวัย 1 ขวบป่วย มีอาการทางสมองและประสาท ผลการตรวจตัวอย่างยา พบสารตะกั่วสูงกว่ามาตรฐานเกือบ 700 เท่า และมีสารหนูด้วย ส่วนในเลือดเด็กพบตะกั่วสูงถึง 61 ไมโครกรัม เกินมาตรฐาน 6 เท่า อาจมีผลต่อไอคิวเด็ก สั่งสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรวจเข้ม และดำเนินคดีร้านขายยาต้นเหตุ โทษจำคุก 3 ปี หรือปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
วันนี้ (2 พฤษภาคม 2550) ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา นายแพทย์มรกต กรเกษม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา และรศ.จุฬธิดา โฉมฉาย หัวหน้าหน่วยกุมารเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอกและพิษวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และผศ.นายแพทย์สัมมน โฉมฉาย เลขานุการคณะกรรมการบริหารศูนย์พิษวิทยา ศิริราช ร่วมกันแถลงข่าวสื่อมวลชน ว่า ศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ได้รับแจ้งพบคนไข้เด็กอายุ 1 ขวบ มีอาการทางประสาทและสมอง คือ มีอาการเซื่องซึม กล้ามเนื้ออ่อนแรง พัฒนาการช้า ซีด คล้ายกับได้รับพิษตะกั่ว
นายแพทย์มรกต กล่าวว่า คณะแพทย์ได้ตรวจเลือด ผลพบปริมาณสารตะกั่วสูงถึง 61 ไมโครกรัม/เดซิลิตร เกินกว่ามาตรฐานกว่า 6 เท่า ซึ่งเป็นอันตรายมาก มีผลต่อการพัฒนาการและเชาว์ปัญญาของเด็ก ทั้งนี้แม่เด็กให้ข้อมูลว่า ได้ใช้ยากวาดลิ้นลูกเพื่อกำจัดฝ้าขาวบริเวณลิ้นของเด็ก เกือบทุกวันในช่วง 7 เดือนแรก ซึ่งยาดังกล่าวซื้อมาจากร้านเภสัชไพศาล เลขที่ 451 ถนนสันติภาพ เขตป้อมปราบ กทม. จึงได้สั่งการให้ อย.ตรวจสอบข้อมูล และกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศแจ้งเตือนประชาชน และตรวจสอบยากวาดลิ้นอย่างเข้มงวด หากพบยาผิดกฎหมายให้ดำเนินคดีทันที มีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทางด้านนายแพทย์ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ผลการตรวจสอบร้านเภสัชไพศาล ซึ่งเป็นสถานที่ขายยาแผนปัจจุบันเฉพาะยาบรรจุเสร็จ ที่ไม่ใช่ยาอันตรายหรือยาควบคุมพิเศษ ได้รับใบอนุญาตเลขที่ 191/2526 มีนางงามนิจ นิ่มไศละ เป็นผู้รับอนุญาต ในร้านมียากวาดลิ้นมีลักษณะเป็นผงสีดำ บรรจุในขวดพลาสติกใส ฝาสีเหลืองและไม่มีฉลาก ไม่มีเลขทะเบียนตำรับยา โดยมีวัตถุดิบเป็นส่วนประกอบ 7 อย่าง ได้แก่ หยิ่งตงแป๊ะ เด็กอึ้ง อึ้งน้อย อึกดัง แซไต่ พิมเสน ลูกเบญกานี บดผสมกัน และขายให้ประชาชนทั่วไป เข้าข่ายยาเถื่อน ได้เก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการตรวจเบื้องต้นพบสารตะกั่วปนเปื้อนสูงถึง 6,971 ส่วนในตัวยา 1 ล้านส่วน ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานเกือบ 700 เท่า ที่กำหนดให้ไม่เกิน 10 ส่วนใน 1 ล้านส่วนเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบมีการปนเปื้อนสารหนู 7.4 ส่วนใน 1 ล้านส่วน ในขณะที่ค่ามาตรฐานกำหนดไม่เกิน 4 ส่วนใน 1 ล้านส่วน ได้ตรวจสอบร้านขายยาในบริเวณใกล้เคียงด้วย แต่ไม่พบยากวาดลิ้นดังกล่าวจำหน่ายแต่อย่างใด โดยกรมวิทย์ฯ จะตรวจยืนยันผลซ้ำอีกครั้ง
นายแพทย์ศิริวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ปัญหาลิ้นเป็นฝ้าขาวจากน้ำนม ไม่จำเป็นต้องใช้ยากวาดลิ้น สามารถทำได้โดยให้เด็กดูดน้ำตามหลังกินนมเพื่อล้างคราบนมออก หรือใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำทำความสะอาดลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้มให้ทั่วทั้งปากหลังกินนมแล้ว หากจำเป็นต้องใช้ยาป้ายลิ้น ควรเลือกซื้อยาที่มีเลขทะเบียนตำรับยาบนฉลาก และซื้อจากร้านขายยาที่เชื่อถือได้ ขณะนี้มียาป้ายลิ้นตำรับยาสามัญประจำบ้านแล้ว
สำหรับความรุนแรงของพิษตะกั่ว จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับ ระยะเวลาการสะสมในร่างกาย ในกรณีได้รับสารตะกั่วในครั้งแรกปริมาณมากๆ ส่วนใหญ่มักพบในเด็กเล็ก คนหลอมตะกั่ว เด็กจะมีอาการแบบเฉียบพลัน คือ ปวดท้องรุนแรง อาเจียน ชักเกร็ง และเสียชีวิตได้ง่าย ส่วนในผู้ใหญ่ มีอาการคอแห้ง กระหายน้ำ ปวดแสบท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปากมีรสเฝื่อน ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ กล้ามเนื้อไม่มีแรง อาจหมดสติได้ แต่หากได้รับสารตะกั่วในปริมาณน้อยๆ เป็นเวลานาน เช่น ผู้ที่ทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสารตะกั่ว หรืออาศัยในพื้นที่ที่มีสารตะกั่วปนเปื้อน การเกิดพิษจะเป็นแบบเรื้อรัง คือมีอาการ อ่อนเพลีย ซีด น้ำหนักลด ปวดท้องบ่อยๆ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ อาจพบเส้นสีม่วงที่เหงือก (lead line) มีอาการทางประสาท เซื่องซึม กระวนกระวาย คลุ้มคลั่ง ความจำเสื่อม กล้ามเนื้ออ่อนแรง ข้อมือข้อเท้าตก เดินไม่ตรงทาง ชัก หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม ในการผลิตยาทั้งยาแผนโบราณและยาแผนปัจจุบัน ผู้ผลิตต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การผลิตที่ดี และตามมาตรฐานยาแผนโบราณที่กำหนดไว้ จะต้องไม่มีการปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์ใดๆ และยอมให้มีการปนเปื้อนสารโลหะหนัก ในปริมาณที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายดังนี้คือ สารหนูต้องไม่เกิน 4 ส่วนใน 1 ล้านส่วน สารแคดเมียมไม่เกิน 0.3 ส่วนใน 1 ล้านส่วน และสารตะกั่วต้องไม่เกิน 10 ส่วนใน 1 ล้านส่วน ทั้งนี้หากมีข้อสงสัย สามารถโทรสอบถามได้ที่ ศูนย์พิษวิทยาและข้อมูลยา โรงพยาบาลศิริราช โทร 0-2419-7007 ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เว้นวันหยุดราชการ และแจ้งเบาะแสที่สายด่วน อย. 1556 ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน นายแพทย์ศิริวัฒน์ กล่าว
********************** 2 พฤษภาคม 2550
View 14
02/05/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ