รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขไทย ร่วมลงนามการจัดซื้อยารวมระดับโลก กับมูลนิธิคลินตัน สร้างอำนาจต่อรองราคายาเอดส์สูตรดื้อยา ให้ถูกลงกว่าเดิม 5-6 เท่า ช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ของไทยที่ต้องใช้ยาต้านไวรัส ซึ่งคาดว่าจะมีถึง 30,000 คนในอีก 3 ปีข้างหน้า ได้เข้าถึงยาโดยใช้งบประมาณเท่าเดิม เผยอดีตประธานาธิบดี คลินตัน เห็นด้วยกับการทำซีแอลของไทย เพราะดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนและทำเพื่อประชาชน
เวลา 11.30 น. วันที่ 8 พฤษภาคม 2550 ที่นิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งตรงกับเวลา 22.30 น. ของประเทศไทย นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังแถลงข่าวร่วมกับมูลนิธิคลินตัน เรื่อง การจัดซื้อยารวมระดับโลก โดยมีอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน เป็นประธาน และมีผู้ร่วมแถลงข่าวประกอบด้วย เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส ในฐานะตัวแทนประเทศที่พัฒนาแล้ว ผู้แทนบริษัทยาแมทริกซ์ ผลิตยาสามัญประเทศอินเดีย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประเทศเคนยา ในฐานะตัวแทนกลุ่มประเทศรายได้ต่ำ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย ในฐานะตัวแทนกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง
นายแพทย์มงคล กล่าวว่า มูลนิธิคลินตัน มีวัตถุประสงค์ในการจัดหายาต้านไวรัสเอดส์ให้แก่คนยากจนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศกำลังพัฒนา โดยการระดมทุนสนับสนุนการจัดหายา การพยายามทำให้ราคายาถูกลง ด้วยการร่วมกันต่อรองราคาในระดับโลก และการสนับสนุนการใช้มาตรการยืดหยุ่น ภายใต้ข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น ซึ่งในการแถลงข่าวร่วมกันวันนี้ อดีตประธานาธิบดีคลินตัน ในฐานะประธานมูลนิธิคลินตัน ได้แสดงภาวะผู้นำที่ชัดเจน ที่จะร่วมมือกันกับประเทศต่างๆ หาทางให้ผู้ติดเชื้อเอดส์ทั่วโลก โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในประเทศที่ไม่ร่ำรวย ได้มีโอกาสเข้าถึงยาเอดส์ที่จำเป็น ขณะนี้กำลังมีการต่อรองราคายาต้านไวรัสเอดส์สูตรดื้อยา (โลปินาเวียร์+ริโทนาเวียร์) ซึ่งน่าจะได้ยาที่มีคุณภาพสูงในราคาที่ถูกลงถึง 5-6 เท่า
นายแพทย์มงคล กล่าวต่อว่า การเข้าร่วมโครงการจัดซื้อยารวมครั้งนี้ เป็นการเพิ่มอำนาจต่อรองของผู้ที่ต้องการใช้ยา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจน ทำให้บริษัทสามารถขายยาได้ในราคาที่ต่ำลง โดยคิดกำไรน้อยแต่ขายในปริมาณที่มาก ซึ่งโครงการจัดซื้อยารวมนี้ไม่ผูกมัดว่าประเทศที่เข้าร่วมจะต้องซื้อยาตามโครงการเท่านั้น แต่สามารถจัดซื้อยาจากแหล่งอื่น หรือวิธีการอื่นได้ หากเห็นว่าประเทศได้ประโยชน์มากกว่า สำหรับประเทศไทยคาดว่าภายใน 3 ปี น่าจะมีผู้ติดเชื้อเอดส์ต้องการยานี้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นคน ดังนั้นการเข้าร่วมโครงการจัดซื้อยารวมกับมูลนิธิคลินตันครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถจัดหายาให้แก่ผู้ติดเชื้อเอดส์ได้ครอบคลุมมากขึ้น โดยใช้เงินเท่าเดิม
นอกจากนี้ อดีตประธานาธิบดีคลินตัน ยังแสดงความเห็นด้วยและสนับสนุนมาตรการบังคับใช้สิทธิโดยรัฐต่อยาที่มีสิทธิบัตร (compulsory licensing) ของประเทศไทยและประเทศบราซิล อย่างเต็มที่ เพราะเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนที่ถูกต้องตามข้อตกลงระหว่างประเทศที่เป็นกลาง และเป็นการกระทำเพื่อให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยที่อยู่ภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติได้มีโอกาสเข้าถึงยาที่จำเป็นในราคาที่ไม่สูง
พฤษภาคม ****************************************** 9 พฤษภาคม 2550
View 9
09/05/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ