สาธารณสุข เสริมสร้างความเข้มแข็งทีมศัลยแพทย์ตกแต่ง ทันตแพทย์จัดฟัน และนักแก้ไขการพูด ในโครงการยิ้มสวย เสียงใส เทิดพระเกียรติ 50 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ร่วมดูแลแก้ไขความผิดปกติอย่างครบวงจรต่อเนื่อง เร่งผ่าตัดตกแต่งเด็กปากแหว่ง เพดานโหว่ ลดความพิการบนใบหน้าปีนี้ให้ได้ 1,500 คน หลังผ่าตัดให้ได้รับการจัดฟัน และฝึกการออกเสียงพูด ช่วยให้เด็กพูดชัดเหมือนปกติ ขณะนี้ผ่าตัดแล้ว 1,243 ราย รอผ่าตัด 542 ราย ลงทะเบียนเข้าโครงการได้ที่สถานบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ ฟรี วันนี้ (14 พฤษภาคม 2550) ที่โรงแรมชลพฤกษ์ รีสอร์ท จังหวัดนครนายก นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยแพทย์หญิงศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุขด้านเวชกรรม เปิดประชุมเตรียมความพร้อมบุคลากรในโครงการ “ยิ้มสวย เสียงใส” เทิดพระเกียรติ 50 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งประกอบด้วย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ศัลยแพทย์ตกแต่ง ทันตแพทย์จัดฟัน นักแก้ไขการพูด นายกเหล่ากาชาด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หัวหน้าสำนักงานหลักประกันสุขภาพเขต ในเขตภาคกลาง 23 จังหวัด รวม 200 คน เพื่อผนึกกำลังสร้างเครือข่ายการดูแลเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ให้เข้มแข็ง ให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่องครบวงจรภายหลังผ่าตัด ทั้งด้านทันตกรรม การจัดฟัน และการฝึกออกเสียงพูด ให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดี นายแพทย์วัลลภ กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสภากาชาดไทย และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดำเนินโครงการดังกล่าวพร้อมกันทั่วประเทศ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 - มีนาคม 2553 โดยเร่งค้นหาเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ทุกรายที่เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547เป็นต้นไป ให้ได้รับการผ่าตัดในระยะเวลาที่เหมาะสม คือเย็บปิดรอยแหว่งที่ริมฝีปากเมื่ออายุ 3 - 6 เดือนหรือเมื่อแข็งแรงเพียงพอ และเย็บปิดรอยโหว่ที่เพดานเมื่ออายุ 9 - 12 เดือน ซึ่งจะช่วยลดความพิการบนใบหน้า และสามารถพูดออกเสียงได้เหมือนคนปกติ ขณะนี้มีผู้ป่วยมาขึ้นทะเบียนรับการรักษาที่โรงพยาบาลในโครงการทั้ง 41 แห่ง รวม 1,810 ราย ได้รับการผ่าตัดแล้ว 1,243 ราย รอผ่าตัดอีก 542 ราย นายแพทย์วัลลภ กล่าวต่อว่า ในปี 2550 ตั้งเป้าผ่าตัด 1,500 ราย นอกจากเร่งค้นหาเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ในทุกพื้นที่เพื่อรับการผ่าตัดแก้ไขแล้ว เนื่องจากเด็กมักมีปัญหาการเจริญเติบโตของขากรรไกรที่ผิดปกติและฟันเก จากการงอกของฟันผิดตำแหน่ง ทำให้การสบฟันผิดปกติ ส่งผลให้เคี้ยวอาหารลำบาก พูดออกเสียงไม่ชัดเจนเหมือนคนปกติ ดังนั้นเด็กจะได้รับการดูแลรักษาจากทีมศัลยแพทย์ตกแต่ง ทันตแพทย์จัดฟัน และนักแก้ไขการพูดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี เพื่อจัดฟันให้เรียงสบกัน ฝึกการออกเสียงพูด หรือผ่าตัดตกแต่งกระดูกขากรรไกรในรายที่มีปัญหา ซึ่งจะช่วยให้การรักษาได้ผลดี เหลือร่องรอยความพิการของใบหน้าน้อยที่สุด ทำให้เด็กดูเหมือนเด็กปกติ และพูดออกเสียงได้ชัดเจน ทั้งนี้ นายเจตน์ ธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ได้ประกาศให้จังหวัดนครนายกเป็นจังหวัดปลอดโรคปากแหว่งเพดานโหว่ จากการระดมกำลังค้นหาผู้ป่วยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ยังไม่ได้รับการผ่าตัดในทุกพื้นที่ พบว่าเหลือผู้ป่วยเพียง 14 คนเท่านั้น โดยมีอายุสูงสุด 42 ปี ขณะนี้ทุกคนได้ขึ้นทะเบียนและกำหนดนัดผ่าตัดเพื่อแก้ไขความพิการแล้ว ด้านแพทย์หญิงศรีวรรณา พูลสรรพสิทธิ์ ที่ปรึกษากระทรวงสาธารณสุขด้านเวชกรรม กล่าวว่า โรคปากแหว่ง เพดานโหว่ เป็นความพิการของใบหน้าแต่กำเนิดที่พบมาก ปีละประมาณ 1,500 - 2,000 คน โดยพบเด็กปากแหว่งได้ 1 คนในเด็กแรกเกิด 600 คน ส่วนเพดานโหว่พบได้ 1 คน ในเด็กแรกเกิด 2,500 คน ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ทำให้เด็กไม่มารับการผ่าตัดตามเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากการผ่าตัดตกแต่งมีค่าใช้จ่ายสูงรายละ 80,000 – 100,000 บาท ผู้ปกครองต้องหยุดทำงาน และเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อพาเด็กไปผ่าตัดตกแต่ง พบทันตแพทย์จัดฟันและฝึกพูดหลังผ่าตัดแล้ว ที่โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร หรือโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ ที่มีศัลยแพทย์ตกแต่ง ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการจัดฟัน และนักอรรถบำบัดแก้ไขการพูด ตามนัดเป็นระยะ ๆ ต่อเนื่องจนเด็กโต กินเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปี จึงขอเชิญชวนผู้ปกครองที่มีลูกหลานปากแหว่ง เพดานโหว่ เกิดตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2547 เป็นต้นไป มาลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขและสถานีอนามัยทุกแห่ง หรือที่สำนักงานเหล่ากาชาดทุกจังหวัด เพื่อรับการผ่าตัดแก้ไขและการดูแลรักษาที่ครอบคลุมทุกด้าน โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด โดยอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน (อสม.) จะเป็นผู้ประสานงานติดตามผู้ป่วยมารับการรักษาตามนัด และจะได้รับการสนับสนุนจากสภากาชาดไทย เป็นค่าเดินทางไปรับการดูแลด้านทันตกรรมจัดฟันและการแก้ไขปัญหาด้านการออกเสียง ครั้งละ 500 บาท ค่าเดินทางเพื่อรับการผ่าตัดครั้งละ 1,000 บาท หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามได้ที่สภากาชาดไทย หมายเลขโทรศัพท์ 0 2251 7853 - 6 ในเวลาราชการ ************ 14 พฤษภาคม 2550


   
   


View 15    14/05/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ