ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยหลังไทยประสบภัยหนาว พบจำนวนผู้ป่วย 7 โรคเข้ารักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น  ตั้งแต่วันที่ 1 -23 มกราคม  2556  ทั่วประเทศมีรายงานกว่า 20,000 ราย  อันดับ 1 ได้แก่ โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน รองลงมาคือปอดบวม และไข้หวัด 

               วันนี้ (24 มกราคม 2556) นายแพทย์ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลเลย จังหวัดเลยว่า ขณะนี้พื้นที่ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีอากาศหนาวเย็นมาก โดยเฉพาะช่วงกลางคืน หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้ประชาชนเจ็บป่วยง่าย โดยโรคที่พบบ่อยในฤดูหนาวมี 7 โรค ได้แก่ ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคหัด โรคสุกใส โรคหัดเยอรมัน โรคมือ เท้า ปาก และโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็ก  ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งเชื้อชนิดนี้ชอบอากาศเย็น จากการตรวจเยี่ยมที่แผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลเลยพบว่า กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้หวัด เป็นสาเหตุการเจ็บป่วยสูงสุดของผู้ป่วยนอกติดต่อกันตั้งแต่ปี 2550 จำนวนผู้ป่วยเพิ่มจากปกติประมาณร้อยละ 15 

                นายแพทย์ณรงค์ กล่าวว่า จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข  รายงานตั้งแต่ 1-23 มกราคม 2556    ทั่วประเทศพบมีผู้ป่วยทั้ง 7 โรค ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาล รวมทั้งหมด  21,745 ราย  โรคที่พบมากอันดับ 1 ได้แก่โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน 16,745 ราย รองลงมา คือ โรคปอดบวม 3,037 ราย เสียชีวิต 4 ราย  โรคไข้หวัด 660 ราย โรคสุกใส 631 ราย  โรคมือ เท้า ปาก 628 ราย โรคหัด 40 ราย และโรคหัดเยอรมัน 4 ราย ตามลำดับ โดยเฉพาะโรคไข้หวัดและปอดบวม ที่พบผู้ป่วยมากในภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากอากาศหนาวเย็นกว่าที่อื่นๆ ตลอดปี 2555 ที่ผ่านมา ทั่วประเทศพบผู้ป่วยไข้หวัด จำนวน 60,449 ราย เสียชีวิต 4 ราย ส่วนผู้ป่วยโรคปอดบวมพบ 194,084 คน  เสียชีวิต 1,255 คน

                นายแพทย์ณรงค์ กล่าวต่อว่า ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ประชาชนในการดูแลสุขภาพ ป้องกันโรคในฤดูหนาว และให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษในกลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ได้แก่กลุ่มเด็กเล็ก อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป  และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ โรคไตวาย โรคโลหิตจาง เป็นต้น  เนื่องจากเสี่ยงเจ็บป่วยง่ายและเมื่อป่วยแล้วอาการจะรุนแรงกว่าคนทั่วไป หากมีโรคติดต่อระบาดในพื้นที่ ให้ส่งทีมสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว ลงไปควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคในพื้นที่ทันที  

                ทั้งนี้  ในการป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคฤดูหนาว  ประชาชนต้องสร้างภูมิคุ้มกันโรคอย่างเป็นนิสัย   คือ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที การออกกำลังกายจะช่วยร่างกายทนต่อความหนาวเย็นได้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่แออัด หากป่วยเป็นไข้หวัด ควรสวมหน้ากากอนามัย สวมเสื้อผ้า ผ้าพันคอ หมวกไหมพรม และถุงเท้า เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นเพียงพอ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารอ่อนย่อยง่าย  ผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงคือผู้สูงอายุและเด็ก ควรไปรับการฉีดวัคซีนที่จำเป็น เช่น วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล หากมีอาการป่วย เช่น มีไข้สูง เจ็บคอ ปวดศีรษะ น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย  ขอให้ไปพบแพทย์ทันที   สำหรับสิ่งที่ไม่ควรทำในช่วงฤดูหนาว เนื่องจากจะก่อให้เกิดอันตรายถึงเสียชีวิต ได้แก่  1.การดื่มสุราเพื่อแก้หนาว 2.นอนในที่โล่งแจ้งลมโกรก 3.การผิงไฟในที่อับอากาศ 4.การนำเด็กเล็กเข้าไปใกล้ควันไฟและห่มผ้าคลุมศีรษะจนหมด ทำให้เด็กสำลักควันหมดสติได้ และ 5.การคลุกคลีกับใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ  

                                                              *************************************  24 มกราคม 2556



   
   


View 14    24/01/2556   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ