รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะตัวแทนรัฐบาลลงพื้นที่ชัยภูมิ ติดตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอหนองบัวระเหว พบแผนชุมชนบางเรื่องยังไม่สามารถใช้งบประมาณได้ โดยเฉพาะด้านโครงการสร้างพื้นฐานเช่นการสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำ จะนำปัญหานี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้านี้ เชื่อมั่นหากชาวบ้านคิดฝันโครงการแก้ปัญหาชุมชนได้ อนาคตสังคมไทยเข้มแข็งแน่นอน
วันนี้(11กรกฎาคม 2550)ที่จังหวัดชัยภูมิ นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ติดตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขของรัฐบาลที่จังหวัดชัยภูมิ โดยมีนายศุภกิจ บุญญฤทธิพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ บรรยายสรุปความก้าวหน้าโครงการ ซึ่งได้รับงบประมาณปี 2550 จำนวน 84 ล้านบาท มีโครงการที่อนุมัติแล้ว 982 โครงการ ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 61 ล้านบาท จากนั้นได้เดินทางไปดูงานที่อำเภอเทพสถิต และอำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิ
นายแพทย์มงคล กล่าวว่า การติดตามยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขในวันนี้ ได้รับมอบหมายจากพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ให้ติดตามตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ประชาชนและรับฟังปัญหาอุปสรรคว่าหลังทำโครงการแล้วมีปัญหาใดบ้าง เพื่อให้การการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุข ซึ่งมี 5 ด้าน ประกอบด้วย ด้านเศรษฐกิจพอเพียง ด้านพัฒนาและสร้างโอกาสให้ชุมชน ด้านฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน ด้านสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาสและการบริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน ซึ่งรัฐบาลให้เป็นทางเลือกหนึ่งให้กับสังคมไทย เพื่อปรับทิศทางของสังคมให้ไปสู่วิถีแห่งการพึ่งพาตัวเอง และพ้นจากความยากจนด้วยตัวเอง
นายแพทย์มงคลกล่าวต่อว่า งบประมาณจำนวน 5,000 ล้านบาทแรกที่รัฐบาลจัดสรรมาเพื่อช่วยให้สังคมอยู่ดีมีสุขด้านอาชีพด้านรายได้นั้น เปรียบเสมือนน้ำมันหล่อลื่นในการพัฒนา โดยมีชุมชนท้องถิ่นเป็นผู้ขับเคลื่อน จากการเดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่โครงการที่ 2 หมู่บ้านได้แก่บ้านมะกอกงาม ตำบลห้วยยายจิ๋ว อ.เทพสถิต และที่ตำบลระหานค่าย อ.หนองบัวระเหว พบว่าชาวบ้านคิดโครงการหลายโครงการเช่นการเลี้ยงปลาดุก การเพาะเห็ดฟาง แต่ปัญหาหลักที่ชาวบ้านต้องการตรงกันคือแหล่งน้ำ เนื่องจากอาชีพส่วนใหญ่ทำการเกษตร ต้องใช้น้ำ จึงอยากได้เขื่อนคอนกรีตเก็บกักน้ำ เพื่อทำการเกษตรและบริโภคตลอดปี ไม่ต้องอพยพไปขายแรงงานที่อื่น นอกฤดูกาล แต่ไม่สามารถใช้งบยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขได้ เนื่องจากอยู่ในประเภทของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ไม่ได้กำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ จะได้นำปัญหานี้ไปรายงานที่ประชุมคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะนายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีที่เป็นประธานยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขในสัปดาห์หน้านี้ เพื่อให้พิจารณาเป็นโครงการที่สามารถดำเนินการ ใช้งบได้เช่นกัน เพราะเป็นปัญหาหลักของชาวบ้าน ซึ่งงบก้อนที่ 2 รัฐบาลจะจัดสรรเพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท
ขณะนี้บทบาทการทำงานของส่วนกลาง จะลดลงเรื่อยๆ แต่บทบาทของ อบต.ซึ่งเป็นผู้บริหารจัดการการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืนจะมีความสำคัญมากขึ้น เพราะฉะนั้นโครงการต่างๆต่อจากนี้ไป ประชาชนจะต้องเป็นผู้ลงมือคิดร่วมกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น เพื่อของบประมาณและบูรณาการแผนร่วมกับแผนของจังหวัด ซึ่งจะประสบความสำเร็จกว่าการที่ส่วนกลางคิดให้ เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาตรงกับความต้องการของประชาชนโดยตรง และเหมาะกับวิถีชีวิตของชุมชน หากชุมชนท้องถิ่นมีการฝึกการคิดและร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างเข้มแข็งแล้ว มั่นใจว่าอย่างอื่นก็จะเข้มแข็งด้วย นายแพทย์มงคลกล่าว กรกฎาคม
************* 11 กรกฎาคม 2550
View 6
11/07/2550
ข่าวเพื่อมวลชน
สำนักสารนิเทศ