กระทรวงสาธารณสุข เตรียมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญไปเนปาล เป็นทีมล่วงหน้าเพื่อประเมินสถานการณ์ วางแผนการจัดทีมแพทย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่เนปาล และจะส่งทีมแพทย์ชุดใหญ่ 34 คนเดินทางตามไป พร้อมยาเวชภัณฑ์จากองค์การเภสัชกรรมรวม 15 ตัน และตั้งวอร์รูมที่กระทรวงสาธารณสุข เป็นศูนย์กลางประสานงานทั้งในและต่างประเทศ ทางหมายเลข 02-5901994 พร้อมรับสมัครล่ามภาษาฮินดีร่วมปฏิบัติการหน่วยแพทย์

     เช้าวันนี้ (27 เมษายน 2558) ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารทุกกรม สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ และหน่วยงานด้านการแพทย์ อาทิ กระทรวงกลาโหม สภากาชาดไทย ศิริราชพยาบาล รามาธิบดี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒน์ เป็นต้น เพื่อเตรียมความพร้อมช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขแก่ประเทศเนปาล ว่า จากการประเมินสถานการณ์ พบว่า รัฐบาลได้มอบให้กระทรวงสาธารณสุข เป็นศูนย์กลางในการประสานการช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุขของประเทศ ในการประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุขประเทศเนปาล กระทรวงการต่างประเทศ และประสานหน่วยงานด้านการแพทย์ไทย ทั้งภายในและนอกกระทรวงสาธารณสุข อาทิ กระทรวงกลาโหม  คณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัย  สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อร่วมทำงานเป็นทีมเดียวกัน ไม่เป็นภาระแก่ประเทศเนปาล โดยได้ตั้งวอร์รูมขึ้นที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมอบหมายให้นายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงเป็นประธาน ทำหน้าที่เป็นหน่วยกลาง หน่วยงานที่มีความประสงค์จะส่งทีมและสิ่งสนับสนุนไปให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ สามารถประสานแจ้งวอร์รูมฯ ทางหมายเลข 02 590 1994 โทรสาร 02 590 1993 ตลอด 24 ชั่วโมง

     นายแพทย์สมศักดิ์กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ยังมีข้อมูลจากพื้นที่ค่อนข้างน้อยมาก เนื่องจากระบบการสื่อสารล่ม ได้วางแผนส่งทีมผู้เชี่ยวชาญ 1 ทีม จำนวน 3 คน จะเดินทางในเช้าวันพรุ่งนี้ โดยมีนายแพทย์สุริยะ  วงศ์คงเทพ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นหัวหน้าทีม เพื่อประสานข้อมูลกับกระทรวงสาธารณสุขเนปาล ประเมินความต้องการในการช่วยเหลือด้านการแพทย์และสาธารณสุข และประสานข้อมูลจากพันธมิตรอาทิ องค์กรไจก้า ประเทศญี่ปุ่นซึ่งขณะนี้อยู่ในพื้นที่แล้ว และสำนักงานองค์การอนามัยโลกประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งตั้งอยู่ที่นิวเดลลี เพื่อวางแผนในการจัดทีมให้ความช่วยเหลือในระยะต่อไป นอกจากนี้ ได้ส่งนักจิตวิทยาไปประจำการที่สถานทูตไทยในเนปาล เพื่อให้คำปรึกษาผ่อนคลายความเครียดแก่เจ้าหน้าที่ประจำสถานทูตและคนไทยในเนปาล

         นายแพทย์สมศักดิ์กล่าวต่อว่า ในวันพุธนี้ (29 เมษายน 2558) จะส่งทีมแพทย์ชุดใหญ่รวม 34 คน ประกอบด้วย ทีมแพทย์ฉุกเฉินภาคสนาม (Medical Emergency Response Team : MERT) จำนวน 2 ทีม ทีมละ 17 คน โดยทีมดังกล่าวสามารถพึ่งตนเอง เป็นโรงพยาบาลสนาม สามารถดูแลผู้บาดเจ็บเบื้องต้นก่อนส่งต่อไปผ่าตัดรักษาที่โรงพยาบาล โดยมีเต็นท์ เตียงผู้ป่วย ยา เวชภัณฑ์อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องปั่นไฟฟ้า อุปกรณ์สื่อสาร เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อโรค และอาหาร น้ำ ดำรงชีพได้ประมาณ 2 สัปดาห์ โดยขอความร่วมมือกองทัพอากาศในการเดินทาง ซึ่งจะประชุมกับกระทรวงการต่างประเทศในวันนี้ พร้อมทั้งให้องค์การเภสัชกรรมสำรองยาและเวชภัณฑ์ ขณะนี้เตรียมพร้อมจัดส่ง เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ ยาปฏิชีวนะ ยาฆ่าเชื้อ ชุดทำแผล น้ำเกลือ เป็นต้น น้ำหนักรวมประมาณ 15 ตัน 

        ด้านนายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า สิ่งที่จำเป็นขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุข ต้องการล่ามผู้ชายที่สามารถสื่อภาษาฮินดีได้ มีความคล่องตัวในการปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยจะให้ประจำทีมแพทย์ไทย ทีมละ 1-2 คน เพื่อช่วยสื่อสารกับผู้ป่วยเนปาล สามารถติดต่อแจ้งความประสงค์ได้ที่วอร์รูมกระทรวงสาธารณสุขตามหมายเลขโทรศัพท์ที่กล่าวมา สำหรับการวางแผนให้ความช่วยเหลือกระทรวงสาธารณสุข ได้วางแผนยืดหยุ่นไว้ 3 กรณี คือ 1.อาจจะส่งทีมแพทย์ไปรักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลต่างๆ 2.ตั้งเป็นโรงพยาบาลสนาม ซึ่งขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความปลอดภัยหากประเมินแล้วมีความเสี่ยงก็จะประจำที่สถานทูตไทย ที่กรุงกาตมัณฑุ หรือตั้งใกล้สถานทูต 3.จัดเป็นหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ร่วมกับทหาร และ 4.จัดหน่วยแพทย์ตั้งจุดตรวจรักษาประจำศูนย์อพยพต่างๆ

      ทั้งนี้ การปฏิบัติงานของหน่วยแพทย์ไทยครั้งนี้ คาดว่าจะต่อเนื่องนานกว่า 1 เดือน โดยได้จัดทีมสำรองไว้ผลัดเปลี่ยน โดยมีการประเมินและปรับเปลี่ยนการจัดบริการให้เหมาะสมตามสถานการณ์ในแต่ละวัน แต่จะทำงานเป็นระบบสอดคล้องกัน ซึ่งทีมแพทย์ที่ส่งไปปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นทีมเชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกอบรมด้านภัยพิบัติ มีประสบการณ์ทำงานจริงในภาคสนามมาแล้วทั้งในและต่างประเทศ เช่น กรณีพายุนาร์กีส ประเทศพม่า กรณีสึนามิและน้ำท่วมใหญ่ในไทย

  *************************** 27 เมษายน 2558



   
   


View 18    27/04/2558   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ