กระทรวงสาธารณสุข ปฐมนิเทศแพทย์ ทันตแพทย์ เภสัชกรจบใหม่ 2,960 คน ที่จะบรรจุเป็นข้าราชการพลเรือน และไปปฏิบัติงานในพื้นที่เขตสุขภาพทั้ง 13 เขต 18 พฤษภาคม เป็นต้นไป
วันนี้ (14 พฤษภาคม 2558) ที่ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี จ.นนทบุรี ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข อบรมปฐมนิเทศและเลือกสถานที่ปฏิบัติงานของแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชกร ที่สำเร็จการศึกษาในปีการศึกษา 2557 และทำสัญญาชดใช้ทุนกับกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 2,960 คน ประกอบด้วย แพทย์ 2,000 คน ทันตแพทย์ 600 คน และเภสัชกร 360 คน เพื่อเตรียมความพร้อม สร้างความเข้าใจในทิศทางนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข ในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพประชาชน และสร้างขวัญกำลังใจบุคลากรใหม่ ก่อนไปปฏิบัติงานในพื้นที่ที่อยู่ในเขตสุขภาพทั้ง 13 เขต
ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ กล่าวต่อว่า รัฐบาลมีเจตนารมณ์ให้คนไทยทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพในทุกพื้นที่ เพื่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่ยั่งยืน โดยแพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร เป็นเสมือนตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุข คอยดูแลประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ขณะนี้จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขยังขาดแคลนมาก ปัจจุบันมีแพทย์ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขเพียง 15,403 คน เฉลี่ยแพทย์ 1 คน ดูแลประชากร 4,155 คน การให้บริการที่เหมาะสมที่สุดคือ 1 ต่อ 800 คน เช่นเดียวกับทันตแพทย์ ซึ่งขณะนี้มี 4,854 คน ให้บริการประชาชนอัตรา 1: 13,185 คน ซึ่งการให้บริการที่เหมาะสมคือ 1: 500 คน บุคลากร 2 สายงานนี้จึงมีภาระงานหนัก กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งการผลิตเพิ่ม แต่การผลิตบุคลากร 2 สาขานี้ต้องใช้เวลานาน 6 ปี และเร่งดูแลระบบสวัสดิการ ความก้าวหน้าต่างๆ ให้ทำงานอย่างมีความสุข เพื่อรักษาบุคลากรไว้ในระบบให้นานที่สุด
การปฐมนิเทศแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัช ของกระทรวงสาธารณสุขครั้งนี้ เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ของแพทย์ ทันตแพทย์และเภสัชจากรุ่นพี่ในแต่ละเขตสุขภาพ และทำความเข้าใจบริบทพื้นที่ที่จะไปปฏิบัติงานเป็นเวลา 3 ปี โดยกระทรวงสาธารณสุขจะบรรจุให้เป็นข้าราชการพลเรือนตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม2558 จะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2558 เป็นต้นไป
ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ ได้ขอให้บุคลากรทั้ง 3 วิชาชีพนี้ ทำงานโดยยึดถือประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ปรับตัวและยอมรับความแตกต่างของผู้ร่วมงานที่เป็นสหวิชาชีพ ปัจจุบันนี้ไม่มีพื้นที่ในประเทศไทยที่ลำบากเกินจะไปอยู่ได้ เนื่องจากความเจริญของการคมนาคมและการสื่อสารที่ดี ติดต่อถึงกันตลอดเวลา ติดตามข่าวสารได้พร้อมกับคนในเมืองใหญ่ ผู้บริหารทุกระดับจะเอาใจใส ให้การดูแลช่วยเหลือทุกเรื่อง
************************* 14 พฤษภาคม 2558