รายงานข่าวโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ เมอร์ส
(Middle East Respiratory Syndrome: MERS)
ประจำวันที่ 23 มิถุนายน 2558

1. สถานการณ์ วันที่ 23 มิถุนายน 2558  


1)พบผู้ป่วยยืนยันในประเทศ 1 ราย 
2)พบผู้สัมผัสโรค 163 คน 
3)สถานการณ์ทั่วโลก ข้อมูล ณ วันที่ 20 มิถุนายน 2558 พบผู้ป่วย 1,338 ราย เสียชีวิต 475 ราย ประเทศเกาหลีใต้ พบผู้ป่วย 172 ราย  เสียชีวิต 27ราย
4)ขออย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนส่งต่อ และโปรดติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัย โทรสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง

2. สธ.ออกประกาศให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ห้ามปฏิเสธผู้ป่วย และห้ามส่งผู้ป่วยโดยรถสาธารณะ  ฝ่าฝืนมีโทษตาม พรบ.โรคติดต่อ

นายแพทย์สุรเชษฐ์ สถิตนิรามัย รักษาราชการปลัดกระทรวงสาธารณสุขพร้อมด้วยนายแพทย์วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค  ประชุมวอร์รูม และให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลางหรือโรคเมอร์สว่า ในวันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศคำสั่งเจ้าพนักงานสาธารณสุขตาม พรบ.โรคติดต่อ พ.ศ. 2523 ให้สถานพยาบาลทุกแห่งปฏิบัติดังนี้  เมื่อมีผู้ป่วยสงสัยต้องแจ้งกระทรวงสาธารณสุขทันที ห้ามปฏิเสธการรับผู้ป่วย  และถ้าต้องส่งต่อเพื่อรักษาที่โรงพยาบาลอื่น ห้ามส่งผู้ป่วยเดินทางไปเองด้วยรถสาธารณะ  ให้ส่งด้วยรถพยาบาลที่มีการป้องกันการติดเชื้อ  หากฝ่าฝืนมีความผิด ปรับตั้ง 2,000 -10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาล ผู้อำนวยการสำนักควบคุมโรคติดต่อ อธิบดีกรมควบคุมโรคเป็นเจ้าพนักงาน
นอกจากนี้ ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการจัดการเดินทางของผู้แสวงบุญที่ประเทศซาอุดิระเบีย  ให้ขึ้นทะเบียน และส่งรายชื่อผู้ที่จะเดินทางไปแสวงบุญพิธีฮัจญ์ รวมทั้งพิธีอุมเราะห์ ให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลในพื้นที่ทราบ เพื่อติดตามดูแลและเฝ้าระวังโรค ในผู้แสวงบุญทุกคนเมื่อกลับถึงประเทศไทย


สำหรับอาการผู้ป่วยยืนยันชาวโอมาน  ที่รักษาที่สถาบันบำราศนราดูร วันนี้อาการทรงตัว  รับประทานอาหารได้  ส่วนผู้สัมผัสที่เป็นญาติ 3 คน อาการปกติ 
ส่วนกรณีแท็กซี่ที่รับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลเอกชน 2 แห่ง ที่เป็นข่าวนั้น พบตัวแล้ว ส่งตรวจทางห้องปฎิบัติการ ผลเป็นลบ

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความเสี่ยงโรคเมอร์ส เนื่องจากเป็นประเทศเปิด มีผู้เดินทางเข้าออกตลอดเวลา ขอความร่วมมือประชาชน หากกลับจากพื้นที่เสี่ยง ภายใน 14 วันแล้วมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ขอให้แยกตัวเอง และรีบไปพบแพทย์ ถ้าจำเป็นต้องรับความช่วยเหลือในการไปโรงพยาบาล โทรแจ้ง 1669  อย่านั่งรถสาธารณะมาเอง

3.ผู้เดินทางกลับจากตะวันออกกลางและเกาหลีใต้ที่อยู่ในเกณฑ์สอบสวนโรค
 

ตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง22 มิถุนายน 2558 มีผู้เดินทางเข้ามาทั้งหมด  58 ราย  ในจำนวนนี้กลับจากเกาหลีใต้ 35 ราย จากตะวันกลาง 23 ราย ทุกรายผลการตรวจไม่พบการติดเชื้อเมอร์ส เฉพาะวันที่ 22 มิถุนายน 2558 มีผู้เดินทางกลับจากเกาหลีใต้ 3 ราย จากตะวันออกกลาง 2 ราย ทุกรายส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ

4. สรุปผลการให้บริการสายด่วน 1422 ปรึกษาประชาชนเรื่อง โรคเมอร์ส 
 

ในรอบ 24 ชั่วโมง วันที่ 22 มิถุนายน 2558  มีผู้โทรมาสอบถามที่สายด่วน กรมควบคุมโรค รวม167 สาย เป็นเรื่องโรคเมอร์ส 87 สาย  คำถามที่ถามมากที่สุด คือ กลับจากพื้นที่เสี่ยงแล้วป่วยต้องปฏิบัติตัวยังไง การแยกตัวเอง 14 วันถือเป็นวันลาหรือไม่ ขอทราบอาการของโรค การรักษาและวัคซีน รวมทั้งมาตรการป้องกันโรคในโรงเรียน 

5. ผลการดำเนินงานที่ด่านควบคุมโรค ที่สนามบินสุวรรณภูมิ


-ตรวจคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ ในวันที่ 22 มิถุนายน 2558 จำนวน 27,788 คน ไม่พบผู้มีไข้ 
-ขอความร่วมมือสายการบิน ประกาศเตือนบนเครื่องบิน เรื่องมาตรการคัดกรองที่สนามบิน/ แจกคำแนะนำ (health beware card) บนเครื่อง 37 เที่ยวบินตรงจากพื้นที่เสี่ยง / แนะนำการเข้มงวดทำความสะอาดเครื่องบิน
- ประสานงานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ส่งผู้เดินทางจากเขตติดโรคให้เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคตรวจวัดไข้ทุกราย ก่อนอนุญาตให้เข้าเมือง
- ติดตั้งเครื่องวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ (Thermoscan) 4 จุด / ติดตั้งแอลกอฮอล์เจลกว่า 200 จุด ทั่วสนามบินแจกหน้ากากอนามัยที่จุดประชาสัมพันธ์

6. ข้อแนะนำประจำวันในการป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเดินหายใจ รวมทั้งโรคเมอร์ส ประชาชนคนไทยทั่วไปไม่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคเมอร์ส  ยกเว้นผู้ที่เดินทางไปในประเทศที่มีการระบาด สำหรับประชาชนทั่วไปมีข้อปฏิบัติดังนี้


1.หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจหรือผู้ที่มีอาการไอหรือจาม
2.ปฏิบัติตามสุขอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำสบู่
3.ถ้ามีอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสคลุกคลีกับบุคคลอื่น เมื่อไอหรือจามควรใช้กระดาษชำระปิดปากและจมูกทุกครั้ง และทิ้งกระดาษชำระที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่ปิดมิดชิดและล้างมือให้สะอาด สวมหน้ากากอนามัย   สำหรับผู้เดินทางกลับจากพื้นที่ที่มีการระบาดของโรค  หากมีอาการดังกล่าวภายใน 14 วัน ให้รีบไปพบแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง
4.ประชาชนที่ไม่ได้สัมผัสพื้นที่เสี่ยง หากมีไข้ ไอ ไม่ต้องกังวล ไปพบแพทย์เพื่อรักษาหรือโทรปรึกษา สายด่วนกรมควบคุมโรค  1422 ตลอด 24 ชั่วโมงหรือติดตามข่าวสารทางเฟสบุ๊ค “ไทยสู้เมอร์ส”

**************************************************************
 

 



   
   


View 13    23/06/2558   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ