กระทรวงสาธารณสุข ส่งทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรวม 42 คน เดินทางไปดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิม 10,400 คน ที่จะเดินทางไปแสวงบุญประกอบพิธีฮัจย์ประจำปีนี้ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย และจัดอบรมทีมแพทย์ เน้นย้ำมาตรการป้องกันโรคเมอร์ส เป็นกรณีพิเศษ
วันนี้ (20 กรกฎาคม 2558) ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขประจำเขตสุขภาพที่ 3 นายแพทย์สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา ผู้อำนวยการสำนักบริหารกลาง เปิดอบรมแพทย์ เภสัชกร พยาบาลวิชาชีพ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรวม 42 คน เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปให้การรักษาพยาบาล ดูแลสุขภาพ ชาวไทยมุสลิมที่เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ประจำปี 2558 ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมีนายแพทย์วิรุฬห์ พรพัฒน์กุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี เป็นหัวหน้าคณะ และนายแพทย์ซุลกิฟลี ยูโซะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลไม้แก่น จ.ปัตตานี เป็นรองหัวหน้า
นายแพทย์สุขุม กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงสาธารณสุขได้จัดส่งหน่วยแพทย์พยาบาลไทย 1 ทีม แบ่งเป็น 3 ชุดการเดินทาง จำนวน 42 คน เดินทางไปให้การดูแลสุขภาพชาวไทยมุสลิมจำนวน 10,400 คนระหว่างประกอบพิธีฮัจย์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย ประกอบด้วย แพทย์ 9 คน พยาบาล 24 คน เภสัชกร 3 คน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 6 คน พร้อมเวชภัณฑ์ยารักษาโรค อุปกรณ์ป้องกันโรค โดยเปิดให้บริการที่สำนักงานแพทย์รักษาพยาบาล 2 แห่ง คือ เมืองเมกกะ และเมืองมะดีนะห์ และมีทีมเคลื่อนที่ออกดูแลสุขภาพที่ ทุ่งอาราฟะห์ และเมืองมีนา รวมทั้งที่พักอยู่ห่างไกลจากสำนักงานแพทย์
ในปีนี้ได้เน้นย้ำให้ทีมแพทย์ เคร่งครัดมาตรการป้องกันโรคเมอร์ส เป็นกรณีพิเศษ ตามมาตรฐานกรมควบคุมโรค เช่น การใส่ชุดป้องกันการติดเชื้อรายบุคคล หน้ากากอนามัย N95 อุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจาย โดยทีมแพทย์จะให้บริการประชาชนรวม 73 วัน ซึ่งทีมแพทย์ชุดแรกจะเดินทางในวันที่ 15 สิงหาคม 2558 และหมุนเวียนสับเปลี่ยนจนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2558
นายแพทย์สุขุม กล่าวต่อว่า พิธีฮัจย์ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียทุกปี จะมีประชาชนมุสลิมจากทั่วโลกรวมทั้งชาวไทย จำนวนมากประมาณ 2 ล้านคน อาจเกิดปัญหาเจ็บป่วยและแพร่กระจายโรคได้ง่ายขึ้น ซึ่งโรคที่ต้องเฝ้าระวังคือ โรคติดต่อระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะโรคเมอร์ส ซึ่งยังคงมีอยู่ในพื้นที่ตะวันออกกลาง กระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบการดูแลสุขภาพ ป้องกันโรค สร้างความปลอดภัยและความมั่นใจแก่ชาวไทยมุสลิมอย่างเต็มที่ 3 ช่วง ประกอบด้วย 1.ช่วงก่อนเดินทาง ได้ให้ความรู้การปฏิบัติตัวป้องกันโรคต่างๆ เช่น ไม่อยู่ในที่แออัด ไม่ดื่มกินนมอูฐดิบ การล้างมือบ่อยๆ และตรวจสุขภาพ ฉีดวัคซีนป้องกันโรค 2 ชนิด ตามที่กระทรวงสาธารณสุขประเทศซาอุดิอาระเบียกำหนดคือ วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ และโรคไข้กาฬหลังแอ่นครบทุกคน จัดเตรียมยาให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว และอบรม อสม.ฮัจย์กว่า 400 คน เป็นเครือข่ายร่วมให้คำแนะนำการดูแลสุขภาพแก่ผู้ร่วมเดินทาง 2.ช่วงประกอบพิธีฮัจย์ จะมีทีมแพทย์พยาบาลไทยให้การดูแลสุขภาพทั้งในสถานบริการและหน่วยแพทย์เคลื่อนที่โดยไม่คิดมูลค่า และ3.หลังจากเดินทางกลับประเทศไทย ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด จัดระบบติดตามเฝ้าระวังโรคผู้เดินทางกลับมา แบบเคาะประตูบ้านทุกวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 30 วัน ผลการดำเนินการที่ผ่านมา ไม่พบรายใดเจ็บป่วยแต่อย่างใด
********************** 20 กรกฎาคม 2558