รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดอบรมพัฒนาศักยภาพความรู้อสม.จังหวัดนครราชสีมา ให้เป็นอสม.ระดับผู้เชี่ยวชาญ เตรียมพร้อมระดมกำลังอสม.ทั้งจังหวัดเกือบ 50,000 คน รณรงค์ตรวจวัดความดันโลหิตประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปของจังหวัด กว่า 9 แสนคน ระหว่างวันที่ 2-8 กันยายน 2550 เพื่อค้นหาผู้ที่มีโรคความดันโลหิตสูง ใช้กลยุทธ์ เคาะประตูให้บริการถึงบ้าน ไม่กระทบเวลาทำงานของประชาชน วันนี้ (10 สิงหาคม 2550) ที่จังหวัดนครราชสีมา นายแพทย์วัลลภ ไทยเหนือ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยนายแพทย์อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์ชูวิทย์ ลิขิตยิ่งวรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการอบรมและมอบนโยบายการทำงานให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ของจังหวัดนครราชสีมา จำนวนกว่า 3,000 คน เพื่อพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขให้เป็นระดับเชี่ยวชาญ (อสมช.) มีความรู้ เป็นแกนนำประสานงานเครือข่ายภาคีสุขภาพในการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรคชุมชน และเป็นแกนหลักในการรณรงค์ตรวจคัดกรอง ค้นหากลุ่มประชาชนอายุ 35 ปีขึ้นไปของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งมีจำนวน 948,400 คน ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน และภาวะอ้วนลงพุง ในระหว่างวันที่ 2-8 กันยายน 2550 นี้ เพื่อค้นหาผู้ที่ป่วยจากโรคดังกล่าว เนื่องจากขณะนี้พบว่าประชาชนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงและเบาหวานประมาณ 13 ล้านคน แต่รู้ตัวเองว่าป่วยประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น จึงต้องเร่งค้นหาเพื่อให้การดูแลรักษา ป้องไม่ให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน โดยเฉพาะอัมพฤกษ์ อัมพาต จากเส้นเลือดในสมองแตกหรือตีบ ซึ่งดำเนินการพร้อมกันทุกจังหวัดทั่วประเทศ นายแพทย์วัลลภ กล่าวว่า อสม. เป็นกำลังสำคัญของกระทรวงสาธารณสุข ในการดูแลประชาชนในระดับรากหญ้าของประเทศ เป็นแบบอย่างด้านสุขภาพอนามัยแก่ประชาชนในหมู่บ้าน ปฏิบัติงานด้วยความเสียสละ โดยไม่มีค่าตอบแทนใดๆ อสม.แต่ละคน จะดูแลประชาชนประมาณ 10-15 ครัวเรือน ขณะนี้ทั่วประเทศมี อสม.กว่า 800,000 คน และเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีอาสาสมัครด้านสุขภาพช่วยดูแลประชาชนในชุมชน สำหรับจังหวัดนครราชสีมา เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ รับผิดชอบประชากรทั้งหมด 2,512,130 คน มีอสม.ทั้งหมด 49,808 คน กระจายอยู่ครบทั้ง 3,743 หมู่บ้าน ช่วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขดูแลสุขภาพประชาชนมาโดยตลอด ที่ผ่านมาอสม.ของจังหวัดนครราชสีมาทั้งหมดได้รับการพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อสม.ทุกคนผ่านการติวเข้มจนเป็น อสมช.ครบทุกคน ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่เหมือนกับอสม.ทั่วๆ ไปแล้ว ยังมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นอีก 4 อย่างได้แก่ วัดความดันโลหิต คัดกรองโรคเบาหวานด้วยแบบสอบถาม วัดรอบเอวประเมินภาวะอ้วน และตรวจสารตกค้างในอาหารได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนไทยได้รับการดูแลความปลอดภัยต่อสุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ ทางด้านนายแพทย์สำเริง แหยงกระโทก นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดนครราชสีมามีประชากรมาก ในการบรรเทาปัญหาการขาดแคลนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ปฏิบัติงานในสถานีอนามัย ทางจังหวัดได้คัดเลือก อสมช. ที่จบการศึกษาอย่างน้อยระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้าฝึกอบรมเป็นเวลา 15 วัน ให้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องการปฐมพยาบาล การทำงานสาธารณสุขในหมู่บ้าน เป็นตัวเชื่อมระหว่างสถานีอนามัยกับ อสม.ในชุมชนและประชาชน เมื่อจบแล้วได้รับเข้าทำงานที่สถานีอนามัย เป็นพนักงานผู้ช่วยเจ้าหน้าที่สถานีอนามัยหรือ พสอ. ได้รับค่าตอบแทนเดือนละ 2,000-4,000 บาท ขณะนี้มี พสอ.ทั้งหมด 414 คน ครบทุกสถานีอนามัย ผลการปฏิบัติงานตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา พบว่า พสอ.สามารถลดภาระเจ้าหน้าที่ ช่วยให้การบริการประชาชนได้อย่างมีคุณภาพ สร้างความพึงพอใจให้ผู้มารับบริการกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ สำหรับการรณรงค์ใหญ่ วันที่ 2-8 กันยายน 2550 อสม.ทั้งหมด จะตรวจรายชื่อของประชาชนกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป ในเขตรับผิดชอบของตนที่สถานีอนามัย ก่อนที่ออกไปรณรงค์ให้ความรู้ วัดความดันโลหิต วัดรอบเอว ให้ถึงบ้าน โดยให้เลือกเวลาที่ประชาชนสะดวก เนื่องจากเป็นฤดูฝน เกษตรกรต้องทำไร่ ทำนา อาจเป็นช่วงเช้าก่อนไปทำงาน หรือช่วงเย็นหลังกลับจากการทำงาน เพื่อให้กระทบต่อการทำงานน้อยที่สุด โดยจะมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและพนักงานผู้ช่วยเจ้าหน้าที่สถานีอนามัย เป็นพี่เลี้ยงดูแลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด ********************************* 10 สิงหาคม 2550


   
   


View 12    10/08/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ