กระทรวงสาธารณสุข ตั้งวอร์รูมแก้ปัญหาภัยแล้งให้หน่วยงานในสังกัด แจ้งปัญหา วางแผนแก้ไขระยะเร่งด่วนให้ประสานกับหน่วยงานจัดหาน้ำ ทั้งท้องถิ่น เอกชน  ระยะยาวให้จัดหาแหล่งน้ำสำรอง ขุดเจาะบาดาล  ไม่ให้กระทบกับการจัดบริการผู้ป่วย

   นายแพทย์โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข  ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการรับภัยแล้งของกระทรวงสาธารณสุข ว่า ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ปัญหาภัยแล้งหน่วยงานในสังกัด  รับข้อมูลจากพื้นที่ วางแผนดำเนินการแก้ปัญหา โดยให้โรงพยาบาลในพื้นที่ประสบภัยแล้ง รายงานปัญหาที่ส่วนกลางทุกวัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็ว ไม่กระทบกับการจัดบริการให้ประชาชน  ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยประกาศขณะนี้ มี 14จังหวัด 71 อำเภอ เป็นพื้นที่ประสบภัยแล้ง ทั้งนี้ ทางส่วนกลางจะสนับสนุนให้การช่วยเหลือเต็มที่และให้ช่วยกันดูแลพี่น้องประชาชน

   สำหรับการแก้ปัญหาในระยะเร่งด่วน  ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดในพื้นที่ภัยแล้ง เฝ้าระวังปัญหาการขาดแคลนน้ำของโรงพยาบาลในสังกัด  วางแผนสำรองน้ำให้เพียงพอ โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นที่จัดหาและสนับสนุนน้ำประปา แจ้งปริมาณการใช้แต่ละวันให้ทราบ เพื่อให้สำรองน้ำสำหรับโรงพยาบาล  พร้อมกำชับให้โรงพยาบาลทุกแห่งเข้มงวดมาตรการประหยัดน้ำ  

   สำหรับในระยะยาว ให้ทุกจังหวัดที่ประสบภัยแล้งซ้ำซาก  สำรวจแหล่งน้ำที่อยู่ใกล้เคียง  วางแผนขุดเจาะ    น้ำบาดาล นำมาปรับปรุงให้คุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยต่อการนำมาใช้เพื่อบริการผู้ป่วย  ทั้งในห้องฉุกเฉิน ห้องผ่าตัด ห้องทันตกรรม ห้องคลอด  รวมทั้งการซักล้าง วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้กับผู้ป่วย

   โดยปริมาณการใช้น้ำของโรงพยาบาล ขึ้นอยู่กับขนาดของโรงพยาบาล จำนวนผู้มารับบริการ  เช่น ที่สำนักงานสาธาณรสุขจังหวัดเชียงใหม่ ได้เฝ้าระวังและแก้ไขปัญหา  โดยจัดหาแหล่งน้ำสำรองจากสถาบันการพละศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่  จากองค์การบริหารส่วนจังหวัด  ภาคเอกชน รวมทั้งประสานประปาส่วนภูมิภาค ขยายระบบประปาให้ครอบคลุมถึงโรงพยาบาลที่ประสบภัยแล้งเรียบร้อยแล้ว  

   ส่วนที่โรงพยาบาลอำเภอพระยืน จังหวัดขอนแก่น ก็เป็นพื้นที่หนึ่งที่ประสบภัยแล้ง ปริมาณการใช้น้ำของโรงพยาบาลอยู่ที่  20,000—30,000 ลิตรต่อวัน เบื้องต้นได้ขุดบ่อบาดาลแห่งใหม่ในโรงพยาบาลลึก 35 เมตร สามารถนำน้ำมาปรับปรุงคุณภาพและใช้บริการผู้ป่วยได้

มกราคม 2/4 *****************************19 มกราคม 2559



   
   


View 12    19/01/2559   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ