“สธ. – ก.ท่องเที่ยวฯ” เปิดงาน "ท่องเที่ยวสุขภาพดี รวมพล 100 ร้าน มาตรฐานสาธารณสุข ล้านนา R1” ยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพเมืองเหนือสู่การท่องเที่ยวสุขภาพระดับโลก
- สำนักสารนิเทศ
- 129 View
- อ่านต่อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำผู้แทนองค์กรนานาชาติ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมในการดำเนินงานเอดส์ เข้าพบนายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ประเทศไทยที่ได้รับการรับรองการยุติการถ่ายทอดเชื้อ เอชไอวี และซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก เป็นลำดับที่ 2 ของโลกและประเทศแรกของเอเชีย ประกาศเดินหน้ายุติปัญหาเอดส์ ภายในปี 2573 จะไม่มีเด็กที่คลอดมาแล้วติดเชื้อ เอชไอวี ผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ไม่เกิน 1,000 รายต่อปี ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการการรักษาด้วยยาต้านไวรัส ไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติกับผู้ติดเชื้อ
บ่ายวันนี้ (20 มิถุนายน 2559) ณ ทำเนียบรัฐบาล ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นำคณะองค์กรนานาชาติ ประกอบด้วย ผู้แทนองค์การอนามัยโลก ( WHO) ผู้แทนโครงการเอดส์แห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNAIDS) ผู้แทนองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ ประจำประเทศไทย (UNICEF ) ผู้แทน US-CDC ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงภาคีเครือข่ายในการดำเนินงานเอดส์ในประเทศไทย เข้าพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในโอกาสที่ประเทศไทยที่ได้รับการรับรองการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี และซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกเป็นลำดับที่ 2 ของโลก และประเทศแรกของเอเชีย โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดี และให้คำแนะนำในการพัฒนางานโรคเอดส์ของประเทศไทยว่า ภายหลังการรับรองการยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก ให้ภาคีเครือข่ายภายในประเทศรักษามาตรฐานของการทำงาน และขยายการยุติเอดส์ไปสู่วงกว้างของเป้าหมายประชากรอื่นๆ โดยสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง คือการวางเป้าหมายและเพิ่มความเข้มแข็งของการเป็นเจ้าของ การดำเนินงานในระดับจังหวัด ถึงระดับชุมชน การเสริมพลังให้กับผู้ติดเชื้อเอชไอวีและเชื้อซิฟิลิส ในการเข้าถึงการรักษาและการจัดการรายบุคคล ในชุมชน รวมถึงสนับสนุนให้ครอบครัวมีส่วนร่วมในการดูแล
ด้าน ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ความสำเร็จของประเทศไทยในครั้งนี้ มาจากความร่วมมือของหลายองค์กรทั้งภาครัฐ เอกชน องค์กรนานาชาติ ในการพัฒนาและการวิจัยการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูก โดยกระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายให้ สถานบริการทั้งภาครัฐและเอกชน ดำเนินโครงการการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวี และเชื้อซิฟิลิสจากแม่สู่ลูก ผสมผสานเข้ากับงานอนามัยแม่และเด็ก เริ่มตั้งแต่การตรวจเลือดหาการติดเชื้อเอชไอวีในหญิงตั้งครรภ์ และให้นมผสม สำหรับทารกที่คลอดจากแม่ติดเชื้อเอชไอวี ตั้งแต่ปี 2536 ให้ยาต้านไวรัสในแม่และทารกตั้งแต่ปี 2543 โดยบรรจุเข้าในชุดสิทธิประโยชน์ของหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในปี 2546 นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมให้มีการให้คำปรึกษาและตรวจเลือดแบบคู่ ตั้งแต่ปี 2553 การวินิจฉัยการติดเชื้อเอชไอวีในทารกที่เกิดจากหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อฯโดยเร็ว รวมทั้งมีระบบกำกับติดตามการดำเนินงานที่เข้มแข็ง ได้มาตรฐาน ทั้งในระดับประเทศและระดับพื้นที่
ทั้งนี้ ประเทศไทยยังคงเดินหน้าที่จะยุติปัญหาเอดส์ (Ending AIDS) ภายในปี 2573 กล่าวคือ ประเทศไทยจะไม่มีเด็กที่คลอดมาแล้วติดเชื้อ เอชไอวี ผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่มีไม่เกิน 1,000 รายต่อปี ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการการรักษาด้วยยาต้านไวรัส และไม่มีการตีตราและเลือกปฏิบัติ อันเนื่องมาจากสถานะการติดเชื้อ
************************** 20 มิถุนายน 2559
**************************