กระทรวงสาธารณสุข ห่วงช่วงอากาศเปลี่ยนโดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เสี่ยงป่วยง่าย แนะดูแลร่างกายให้อบอุ่น หมั่นล้างมือ ไม่คลุกคลีหรือสัมผัสกับผู้ป่วย  ไม่ไปในสถานที่แออัด หรือมีอากาศเย็นจัด เดือนธันวาคม 2559 พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่และปอดบวมกว่า 20,000 ราย

วันนี้(10 มกราคม 2559)ที่กระทรวงสาธารณสุข นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีสภาพอากาศแปรปรวนหลายพื้นที่มีอากาศหนาวเย็นร่วมกับมีฝนตก ส่งผลให้เด็กเล็ก ผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เสี่ยงเจ็บป่วยที่พบบ่อยคือ โรคไข้หวัดใหญ่และปอดบวม ในปี 2559 ข้อมูลจากสำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค พบผู้ป่วยทั้ง 2 โรครวมกันเกือบ 420,000 ราย โดยโรคไข้หวัดใหญ่พบผู้ป่วย 168,843 รายเสียชีวิต 44 ราย โรคปอดบวม พบผู้ป่วย 245,151 ราย เสียชีวิต 366 ราย ซึ่งในเดือนธันวาคม 2559 พบผู้ป่วยทั้ง 2 โรคกว่า 20,000 ราย เสียชีวิตจากโรคปอดบวม 11 ราย ได้กำชับสำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์ย้ำเตือนให้ความรู้ประชาชนในการป้องกันการเจ็บป่วย และขอให้โรงพยาบาลทุกแห่งดูแลรักษาผู้ป่วยตามมาตรฐานการรักษา รวมทั้งป้องกันการเกิดโรคแทรกซ้อนที่จะตามมาหลังการป่วย

นายแพทย์เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า ไข้หวัดใหญ่ เชื้อจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อได้ง่ายจากการไอหรือจาม หรือเชื้อติดมากับมือ อาการของโรคมักจะเกิดขึ้นทันทีทันใดด้วยอาการไข้สูง ตัวร้อน หนาว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะ อ่อยเพลีย เบื่ออาหาร คัดจมูก มีน้ำมูกใสๆ ไอ ไข้มักเป็นอยู่ 2 – 4 วัน และค่อยๆลดลง อาการจะค่อยๆ ดีขึ้น ส่วนโรคปอดบวมอาการและการแพร่เชื้อจะคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่จะพบบางรายมีไข้สูงหนาวสั่น และไอมีเสมหะสีเหลืองหรือเขียวรวมถึงหายใจเหนื่อยหอบร่วมด้วย

 สำหรับการป้องกันการเจ็บป่วย ในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลง ขอให้ประชาชน ยึดหลักสุขอนามัยที่ดี หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงคลุกคลีกับผู้ป่วย ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้ป่วย ไม่อยู่ในที่ที่มีผู้คนแออัดและอากาศถ่ายเท ไม่ดี มีมลพิษ หรืออากาศเย็นจัดเป็นเวลานาน สวมเสื้อผ้าหนาๆ ให้ความอบอุ่นร่างกายอย่างเพียงพอ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6-8  แก้ว หากสงสัยป่วยโรคไข้หวัดใหญ่ ปอดบวมหรือป่วยเกิน 48 ชั่วโมง อาการไม่ดีขึ้น เหนื่อยง่าย และอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ควรพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการรักษาป้องกันภาวะแทรกซ้อนโรค สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422

*************************** 10 มกราคม 2560

 

 



   
   


View 23    10/01/2560   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ