กระทรวงสาธารณสุข เผยโครงการเข้าถึงยาต้านไวรัสเอดส์ระดับชาติ ขณะนี้ครอบคลุมผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 150,000 ราย แต่ห่วงกลุ่มผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งปีนี้คาดจะมีมากถึง 14,000 ราย ส่วนใหญ่ร้อยละ 45 เป็นหญิงวัยรุ่นกับแม่บ้านที่ติดโรคจากสามี เนื่องจากเยาวชนไทยทั้งชาย-หญิง มีเพศสัมพันธ์ไม่ปลอดภัย ใช้ถุงยางอนามัยไม่ถึงร้อยละ 30 เร่งรณรงค์ให้ความรู้เรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย และขยายโอกาสเข้าถึงยาต้านไวรัสต่อเนื่อง วันนี้ (5 ตุลาคม 2550) ที่ เทศบาลเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี นายแพทย์มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการเสวนา เรื่อง “ผู้ติดเชื้อเข้าถึงการรักษาได้จริงหรือ” ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาเขตพื้นที่ระยอง ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย และสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี จัดขึ้นเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ และรับทราบขบวนการเข้าถึงยารักษาโรคเอดส์ ปัญหาอุปสรรคในระบบการให้และรับบริการต่างๆ เพื่อช่วยเป็นแนวทางในการแก้ไขพัฒนาให้ระบบการเข้าถึงดียิ่งขึ้น นายแพทย์มงคล กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เริ่มให้บริการยาต้านไวรัสแก่ผู้ป่วยเอดส์ โดยใช้ยาต้านไวรัสในสูตรยา 3 ชนิดพร้อมกัน ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2543 ซึ่งครอบคลุมผู้ป่วยเพียงจำนวนหนึ่ง แต่หลังจากที่องค์การเภสัชกรรมสามารถผลิตยาต้านไวรัสได้เองในราคาถูก ในปี พ.ศ. 2545 ก็ทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้น ล่าสุดในปี 2547 ได้มีการดำเนินโครงการเข้าถึงบริการยาต้านไวรัสเอดส์ระดับชาติ สำหรับผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ เพื่อขยายโอกาสการเข้าถึงการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ ในสถานพยาบาลภาครัฐและภาคเอกชน จำนวน 908 แห่งทั่วประเทศ และมีการพัฒนาสูตรยาอย่างต่อเนื่อง ให้เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยทั้งในกลุ่มผู้ป่วยที่เป็นเด็ก ผู้ใหญ่ และแม่หลังคลอด ที่อาจมีปัญหาเรื่องการแพ้ยาบางชนิด ซึ่งประสบผลสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 50,000 ราย นายแพทย์มงคล กล่าวต่อว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัสเอดส์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายงานของหน่วยงานที่ให้บริการ ล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2550 พบมีผู้ป่วยที่เข้าร่วมโครงการฯ ถึง 156,678 ราย เป็นผู้ป่วยที่ยังกินยาต้านไวรัสเอดส์อยู่ จำนวน 138,726 ราย เฉพาะเดือนสิงหาคม 2550 เพียงเดือนเดียว มีผู้ป่วยรายใหม่ที่เริ่มต้นรับยาต้านไวรัสเอดส์ รวม 3,339 ราย ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ด้วยยาต้านไวรัสเอดส์สูตรพื้นฐานให้ครอบคลุมทุกคน โดยเน้นการส่งเสริมให้รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้เกิดภาวะเชื้อดื้อต่อยาต้านไวรัสเอดส์สูตรพื้นฐาน จะได้ไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัสสูตรดื้อยา ที่มีราคาแพง ซึ่งจะเป็นภาระด้านงบประมาณและทำให้ผู้ป่วย/ผู้ติดเชื้อเข้าถึงยาได้น้อยลง นายแพทย์มงคล กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์โรคเอดส์ของไทย ในปี 2550 คาดว่ามีผู้ติดเชื้อเอดส์สะสมประมาณ 1,102,628 ราย ยังมีชีวิตอยู่ 546,578 ราย และมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 14,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นหญิงวัยรุ่นและแม่บ้านที่ติดเชื้อจากสามี ร้อยละ 45 ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วงมาก เนื่องจากผลการเฝ้าระวังพฤติกรรมที่สัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชไอวี ในกลุ่มนักเรียนระดับมัธยมปลาย ปี 2549 ของสำนักระบาดวิทยา พบว่า เยาวชนชายร้อยละ 21 เคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ส่วนเยาวชนหญิง ร้อยละ 12 โดยเยาวชนชายมีการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหรือคนรัก ร้อยละ 25 ส่วนเยาวชนหญิงใช้ถุงยางอนามัยเพียงร้อยละ 11 เนื่องจากมั่นใจว่าจะไม่ติดเชื้อจากคนรัก ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้เร่งดูแลผู้ป่วยและผู้ติดเชื้อเหล่านี้ให้เข้าถึงบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขให้ครอบคลุมต่อไป *********************************** 5 ตุลาคม 2550


   
   


View 8    05/10/2550   ข่าวเพื่อมวลชน    สำนักสารนิเทศ